การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

01 ตุลาคม 2554

ความกลัว ความกล้า และเงินสำรอง


วอเรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า

"...if they[investors] insist on trying to time their participation in equities, they should try to be fearful when others are greedy and greedy when others are fearful"

"ถ้านักลงทุนยังจะพยายามหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าออกตลาดหุ้น พวกเขาควรรู้สึกกลัวเวลาคนอื่นโลภ และโลภเวลาคนอื่นรู้สึกกลัว"

นักลงทุนVI และผู้ที่ติดตามอ่านบล็อคนี้คงจะเคยเห็นคำพูดนี้ผ่านตามาบ้างแล้ว

แล้วผมจะเอามาเขียนอีกทำไม?

เหตุผลแรกก็คือ เรื่องดีๆเราต้องย้ำกับผู้อ่านบ่อยๆครับ และเหตุผลที่สองก็คือ การที่เราจะโลภอย่างชาญฉลาด เวลาที่คนอื่นหวาดกลัวนั้นทำได้ยาก

ทำได้ยากเพราะ คุณต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ที่ดีพอ จนรู้ว่าสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดกลัว นั้นจริงๆแล้วมันน่ากลัวจริงๆ (อย่างเช่น ตอนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทยอยร่วงทั่วโลก ตั้งแต่เดือนเมษาของปี2008)  หรือคนส่วนใหญ่แค่คิดไปเอง อย่างไม่มีเหตุผลเพียงพอมารองรับ  (อย่างเช่น Black Monday ของอเมริกาเมื่อปี 1987)

นอกจากจะต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ที่ดีแล้ว เรายังต้องมีเงินสำรองไว้พอสมควร เพื่อรอรับของถูกตอนตลาดปรับตัวลงด้วย ถึงแม้เราวิเคราะห์ได้ถูกต้อง และอารมณ์ไม่อ่อนไหวตามตลาด ความสามารถเหล่านี้จะไรประโยชน์ถ้าเราไม่มีเงินไว้"ระบายความโลภตอนที่คนอื่นกลัว"

บริษัทของบัฟเฟตต์ Berkshire Hathaway เป็นบริษัทที่เก็บเงินสดไว้มากเกินมาตรฐานที่บริษัททั่วไปเขาทำกันด้วยเหตุผลเดียว ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตรุนแรงแค่ไหน บริษัทของเขาจะอยู่ในสภาพที่พร้อมกว่าบริษัทอื่นในแง่ของสภาพคล่อง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้บัฟเฟตต์มีโอกาสได้ซื้อเก็บของถูกๆมากกว่าคนหรือบริษัทอื่นๆ โดยส่วนใหญ่แล้วบัฟเฟตต์จะเก็บเงินสดในรูปของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (Treasury Bills)
สรุปคือ เราต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาดกลัวมากกว่าที่ควรจะกลัวไปเยอะหรือยัง ถ้ากลัวมากเกินไปแล้ว เราอาจจเริ่มทยอยใช้เงินสำรองที่เรามีอยู่เก็บของถูก สำหรับเงินสำรอง ผู้เขียนแนะนำว่า จากร้อยเปอร์เซ็นของเงินสำหรับลงทุนในหุ้น เราควรจะที่เงินสดไว้อย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์ คนไหนกล้าเสี่ยง หรือคิดว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างรุนแรง  ก็อาจถือเงินสดน้อยกว่านี้หน่อย คนไหนไม่ชอบความเสี่ยง หรือคิดว่าเรื่องแย่ๆกำลังจะมาถึง ก็อาจจะเลือกที่จะถือเงินสดมากกว่านี้ สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้เขียนเองคิดว่าเรื่องแย่ๆกำลังจะมาถึง เพราะผมคาดว่า รัฐบาลกรีซไม่มีทางที่จะจ่ายหนี้คืนได้ครบ ผลก็คือ ปัจจุบัน ผมถือเงินสดอยู่ประมาณ65%ของพอร์ทครับ

Posted in:
Twitter