การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

25 สิงหาคม 2554

ทยอยซื้อ


มีนักเล่นหุ้นจำนวนไม่น้อยที่พยายาม ซื้อที่ต่ำสุด แล้วขายที่สูงสุด ถ้าครั้งไหนทำได้ ก็จะภูมิใจว่าตัวเองมีฝีมือ ถ้าครั้งไหนไม่ได้ซื้อที่ต่ำสุด หรือขายแล้วราคามันขึ้นต่อ ก็จะรู้สึกเจ็บใจ อาจถึงขั้นเก็บเอาไปคิดว่า "ครั้งต่อไปเราต้องไม่พลาด!"

ความจริงก็คือ ในระยะยาว การตั้งซื้อที่ต่ำสุด ขายที่สูงสุดให้ได้ทุกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งก็ทำได้แค่50%ของจำนวนครั้งที่ตั้งใจทำ ที่เหลืออีก50%นั้นล้มเหลว พูดให้สั้นคือ ทำได้ไม่ได้นั้น มันอยู่ที่"ดวงล้วนๆ"

แล้วเราควรทำอย่างไร?

เป้าหมายของนักลงทุนที่ดีก็คือ ซื้อของดีๆทีราคาถูกๆ ยิ่งถูกยิ่งดี ในกรณีของหุ้น ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าตลาดมันจะลงไปสุดที่ดัชนีเท่าไร หรือหุ้นที่เราเล็งอยู่จะลงลึกขนาดไหน สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการ "ทยอยซื้อ"

ทยอยซื้อดีกว่า ซื้อตู้มเดียวอย่างไร ไปชมกันครับ

ตัวอย่างที่ 1: ซื้อทีเดียวหยุด

นักลงทุน "นายเอ"
หุ้นที่สนใจจะซื้อ "B"

หลังจากทำการศึกษางบของB อ่านข่าวและบทวิเคราะห์ต่างๆ นายเอคิดว่าB เป็นหุ้นพลังงานที่มีอนาคต และกำลังตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้อยู่

จังวะดี Bราคาลดลงๆจนมาพักที่ 120บาท นายเอเห็นว่าหุ้นนี้น่าเก็บ เพราะราคามันลงมาเยอะมากแล้ว จึงซื้อทันทีที่120บาทด้วยงบที่มีอยู่ทั้งหมด120,000บาท นายเอจึงได้หุ้นBมาเก็บ1000หุ้น

ปรากฎว่าหุ้นลงต่อมาอีก20%มาอยู่ที่ประมาณ95บาท ก่อนที่จะขึ้นไปปิดที่170บาท ณ สิ้นปี

สรุปแล้ว ณ สิ้นปีนั้น นายเอมีกำไรจากหุ้นB อยู่ (170-120)/120 = 41.67%

ตัวอย่างที่ 2: ทยอยซื้อ

ยังคงเป็นนายเอ กับหุ้นB แต่คราวนี้ นายเอกลับไม่กล้าซื้อตู้มเดียว เพราะรู้ดีว่ายังมีความเสี่ยงที่ตลาดอาจจะลงต่อ ส่งผลให้หุ้นBลงตามไปด้วย

ตอนนี้นายเอจึงแบ่งเงินที่มีอยู่เป็นสองกองเท่าๆกัน กองละ60,000 บาท กองแรกใช่ซื้อหุ้นทันทีที่ราคา120บาท อีกกองหนึ่งเก็บไว้ก่อน เพราะฉะนั้น จำนวนหุ้นที่ซื้อทันทีจึงมีอยู่500หุ้น

ต่อมา หุ้นBก็ยังลงต่อ นายเอจึงใช้เงินที่เหลืออีก60,000บาทออกมาซื้อเพิ่ม ได้ที่ราคา100บาท ถึงแม้หุ้นจะลงไปต่ำสุดที่95บาทก็ตาม เพราะฉะนั้น นายเอจึงได้หุ้นเพิ่มมาอีก600หุ้น ที่ราคา100บาท

ราคาเฉลี่ยของหุ้นBที่นายเอถืออยู่ก็คือ 109บาท

สรุปแล้ว ณ สิ้นปีนั้น นายเอจึงมีกำไรจากหุ้นBอยู่ (170-109)/109 = 55.96%

หมายความว่า นายเอได้กำไรมากว่ากรณีแรกอยู่ประมาณ 14.3%



โปรดสังเกตว่า ในตัวอย่างที่สองนายเอได้กำไรเยอะกว่าตัวอย่างแรก เพราะราคาหุ้นมันลงต่อ ถ้าราคาหุ้นมันไม่ลงต่อ การซื้อตู้มเดียวแบบตัวอย่างที่หนึ่งจะให้กำไรเยอะกว่า อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผู้เขียนได้บอกตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า การซื้อหุ้นแล้วราคามันขึ้นเลยทันที หรือการซื้อที่จุดต่ำสุดได้ในแต่ละครั้ง มันขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ

การแบ่งเงินเก็บไว้เพื่อทยอยซื้อ นั้นก็เพื่อรองรับความเสี่ยงที่หุ้นจะลงต่อนั้นเอง ถึงแม้บางครั้งราคาหุ้นจะไม่ลงต่อ นักลงทุนก็ยังสบายใจได้ว่าเขาได้ป้องกันความเสี่ยงไว้เต็มที่แล้ว

Posted in:
Twitter