การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

20 เมษายน 2553

Warren Buffet


Warren Edward Buffett


เกิด: 30 สิงหาคม 1930 (อายุ 79)
Omaha, Nebraska, U.S.

สัญชาติ: อเมริกัน

การศึกษา: (1947–49) Wharton School - University of Pennsylvania             (1949-50) University of Nebraska–Lincoln ปริญญาตรีทางด้านเศรษฐศาสตร์     (1950-51) Columbia University ปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์

อาชีพ: ประธานและผู้บริหารของBerkshire Hathawayและ นักลงทุน


ประวัติโดยย่อ Warren Buffet (เกิด 30 สิงหาคม 1930) เป็นนักลงทุน นักธุรกิจ และ ผู้ใจบุญชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนมากที่สุดในโลก ปัจุบันเขาเป็นผู้ที่หุ้นใหญ่และเป็นCEOของบริษัทBerkshire Hathaway

Buffetเป็นที่รู้จักในเรื่องการยึดถือแนวการลงทุนแบบ value investing(ลงทุนเชิงคุณค่า)อย่างเหนียวแน่น และ เรื่องนิสัยการใช้จ่ายอย่างประหยัด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลที่รวยติดอันดับสองของโลกก็ตาม (The World's Billionaire - Forbes.com (2009) )

Buffetผู้ใจบุญกล่าวว่า เขาได้บริจาคเงินและทรัพย์สินซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ85%ของความมั่งคั่งส่วนตัวให้แก่Gates Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิของBill Gatesและภรรยา (จากการสำรวจเมื่อปี2009ความมั่งคั่งของเขาอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันล้านดอลล่า หรือ หรือกว่า8แสนล้านบาทไทย)

ในช่วงชีวิตการลงทุนของเขา Warren Buffetได้บอกกล่าวแนวความคิดการลงทุนของเขาผ่านทางบทสัมภาษณ์และChairman's Letter(จดหมายถึงผู้ถือหุ้นของBerkshire Hathaway) ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าในแต่ละประโยคของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ มักจะมีแนวคิดดีๆแฝงอยู่เสมอ ผมจึงได้รวบรวมข้อความสั้นๆที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการลงทุนของเขามาไว้ ณ ที่นี้

ผมเข้าใจดีว่านี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของสิ่งที่Buffetเคยพูดไว้ ถ้าใครมีประโยคดีๆของเขาอีก ก็สามารถบอกผ่านทางe-mail: settalk@live.com หรือโพสลงมาในคอมเม้นได้เลยครับ



Quotes by Warren Buffet

"To invest successfully over a lifetime does not require a stratospheric IQ, unusual business insights, or inside information. What's needed is a sound intellectual framework for making decisions and the ability to keep emotions from corroding the framework"
การที่คนเราจะลงทุนอย่างประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตหนึ่ง ไม่จำเป็นเลยว่าเราจะต้องมีไอคิวอันสูงส่ง ความรู้ความเข้าใจทางธุรกิจที่แตกต่าง หรือ ข้อมูลวงในของบริษัท สิ่งที่เราต้องการคือหลักการลงทุนที่ชาญฉลาดมีคุณภาพ และความสามารถในการควบคุมไม่ให้อารมณ์ของตนมาทำลายหรืออยู่เหนือหลักการลงทุนนั้น


" Investors should remember that excitement and expenses are their enemies"
นักลงทุนทั้งหลายควรจำไว้ว่า ความตื่นเต้น และ ค่าใช้จ่าย คือศัตรูของพวกเขา


"...if they[investors] insist on trying to time their participation in equities, they should try to be fearful when others are greedy and greedy when others are fearful"
ถ้านักลงทุนยังจะพยายามหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าออกตลาดหุ้น พวกเขาควรรู้สึกกลัวเวลาคนอื่นโลภ และโลภเวลาคนอื่นรู้สึกกลัว


"The most common cause of low prices is pessimism - some times pervasive, some times specific to a company or industry. We want to do business in such an environment, not because we like pessimism but because we like the prices it produces. It's optimism that is the enemy of the rational buyer."
สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ราคาหุ้นต่ำคือ ความคิดในแง่ลบๆ ซึ่งบางครั้งเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งในตลาดหุ้น และบางครั้งก็เกิดขึ้นกับเฉพาะบริษัทหรืออุตสาหกรรมอันใดอันหนึ่ง เรา(บริษัทBerkshire Hathaway)ต้องการที่จะทำธุรกิจในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ไม่ใช้เพราะว่าเราชอบการมองโลกในแง่ลบ แต่เพราะเราชอบราคาหุ้นที่เป็นผลพวงมาจากความคิดลบๆเหล่านั้น ความคิดแง่บวกนั้นแหละคือศัตรูของนักลงทุนที่มีเหตุมีผลในการตัดสินใจ


"Price is what you pay. Value is what you get."
ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้


"Nothing sedates rationality like large doses of effortless money."
ไม่มีอะไรบิดเบือนความมีเหตุมีผลของมนุษย์ได้เหมือนกับ เงินจำนวนมหาศาลที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย


"If you're an investor, you're looking on what the asset is going to do, if you're a speculator, you're commonly focusing on what the price of the object is going to do, and that's not our game."
ถ้าคุณคือนักลงทุน คุณจะสนใจว่าสินทรัพย์ของบริษัทนั้นๆให้ผลตอบแทนอะไรกับบริษัทได้บ้าง แต่ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไร คุณจะจดจ่ออยู่กับราคาของสิ่งของ(อย่างเช่นหุ้น)ว่าขึ้นลงได้มากน้อยแค่ไหน และนั้นไม่ใช้สิ่งที่เราทำ


"The sillier the market's behavior, the greater the opportunity for the business-like investor"
ยิ่งพฤติกรรมตลาดไม่มีเหตุผลมากเท่าไร โอกาสทำกำไรสำหรับนักลงทุนเชิงธุรกิจก็มีมากเท่านั้น


"Investors making purchases in an overheated market need to recognize that it may often take an extended period for the value of even an outstanding company to catch up with the price they paid."
นักลงทุนที่ทำการซื้อหุ้นในช่วงขาขึ้นอันร้อนแรงของตลาด ควรจำไว้ว่า ในหลายๆครั้ง มันจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท(ถึงแม้จะเป็นบริษัทที่โดดเด่นก็ตาม) จะปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับราคาหุ้นที่เขาได้จ่ายไป

Posted in:
Twitter