การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

23 มกราคม 2555

เลือกหุ้นสไตล์ Warren Buffett: Part III การประเมินราคาหุ้น



Part III การประเมินราคาหุ้นในอนาคต

Mary Buffett ในหนังสือ The Warren Buffett Stock Portfolio กล่าวถึง หุ้นที่ Warren Buffett ถืออยู่ จำนวน17หลักทรัพย์ คือ

American Express, The Bank of New York Mellon, Coca-Cola, Conoco Phillips, Costco Wholesale Corp, GlaxoSmithKline, Johnson & Johnson, Kraft Foods, Moody's Corp, Procter & Gamble, Sanofi S.A., Torchmark Corp, Union Pacific Corp, U.S. Barncorp, Wal-Mart Stores, Washington Post, Wells Fargo

ในที่นี้ เราจะเลือกหุ้นมาเพียงหนึ่งบริษัท คือ Procter & Gamble เพื่ออธิบายถึงการประเมินราคาหุ้นในอนาคตตามสไตล์ Buffett ตลอดจนเหตุผลที่เขาเลือกซื้อหุ้นนี้ (อะไรคือ competitive advantage ของบริษัทนี้) เพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านที่สนใจ ลองนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนของตนเอง

ข้อมูลบริษัท Procter & Gamble Company

สำนักงานใหญ่: Cincinnati, USA
อุตสาหกรรม: สินค้าอุปโภค บริโภค


ข้อมูลสำคัญ
ก่อตั้งปี ค.ศ. 1837
ยอดขายต่อปี (2011)     : $82,000 ล้าน
กำไรสุทธิ (2011)          : $11,900 ล้าน
กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)  : $3.98
อัตราการเติบโตของ EPS (2001-2011): 9.82% ต่อปี
ผลตอบแทนเงินปันผล (2011): $2.10 ต่อหุ้น = 3.3% ของราคาหุ้น

ปีที่ Berkshire ซื้อ               : 2005
จำนวนหุ้นรวมที่ซื้อ               : 72,391,036 หุ้น
ราคาเฉลี่ยที่ Berkshire ซื้อ   : $6.40 ต่อหุ้น
ราคาในเดือนธันวาคม 2011  : $61 ต่อหุ้น
กำไรรวม (Unrealized gain)  : $3,900 ล้าน
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (ไม่รวมเงินปันผล) : 45.6%

P&G เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย สินค้าอุปโภค บริโภค ที่ใช้ในครัวเรือนจำนวนมากมายหลายชนิด ตัวอย่างสินค้าที่ท่านอาจใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ

Oral B - ยาสีฟัน และแปรงสีฟัน
Duracell - ถ่านแบตเตอรี่สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า
Gillette - มีดโกนหนวด และโฟม
Head & Shoulders - แชมพูขจัดรังแค
Olay – เครื่องสำอางประทินผิวสตรี
Pampers - ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
Tide - ผงซักฟอก

ความได้เปรียบด้านการแข่งขัน (competitive advantage)

  • มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง (ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์สูง) ซึ่งดูได้จาก ส่วนแบ่งการตลาด (market share) ที่อยู่อันดับต้นๆของแต่ละผลิตภัณฑ์ และอัตรากำไรต่อยอดขายที่สูงกว่าคู่แข่ง
  • สินค้าของP&G ครอบคลุมวิถีชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ตั้งแต่ตื่นนอน ถึงเข้านอน และเป็นสินค้าที่ใช้หมดไปในเวลาอันสั้น ต้องมีการซื้อทดแทนบ่อยๆ
  • P&G มีบริษัทในเครือกระจายอยู่ทั่วโลก กำไรสะสม(retained earnings ) ประมาณ 42% ที่ปรากฏอยู่ในงบดุล เป็นกำไรจากสาขาที่อยู่นอกสหรัฐฯ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของประเทศสหรัฐฯ (ตราบเท่าที่ไม่มีการโอนกำไรดังกล่าวกลับประเทศสหรัฐฯ) สิ่งนี้เป็นข้อได้เปรียบของบริษัทที่มียอดขาย และกำไรในสัดส่วนที่สูงจากบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ
ความได้เปรียบด้านการแข่งขันนี้ได้สะท้อนอยู่ใน กำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ที่มีอัตราการเติบโตสะสม (compound annual growth rate) เฉลี่ยปีละ 9.82% ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2008-2009


การประเมินราคาหุ้น (Valuation) ใน10 ปีข้างหน้า

1.) หาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่ผ่านมาในอดีต 
Buffett นิยมใช้ข้อมูลย้อนหลังอย่างน้อย10 ปี แต่ในกรณีที่ท่านหาข้อมูลของหุ้นที่ท่านพิจารณาอยู่ ได้ไม่ถึง10 ปี สัก5-7ปีก็ยังดีครับ


ข้อสังเกต คือ EPS ของP&Gมีการเพิ่มขึ้นค่อนข้างสม่ำเสมอยกเว้นในช่วงปี 2009-2010 ซึ่งเกิดจากผลกระทบในทางลบจาก Hamburger Crisis

อัตราการเติบโตของ EPS ในช่วง10ปีที่ผ่านมาคำนวณให้จากสูตร
อัตราการเติบโตต่อปี = [((EPS ปีสุดท้าย/ EPS ปีแรก)^(1/n)) - 1] * 100%
โดย n = จำนวนปี
ในที่นี้ n = 10 (เริ่มต้นจากสิ้นปี 2001 สิ้นสุดที่ สิ้นปี 2011)

ดังนั้นอัตราการเติบโตต่อปีของEPS = [ ((3.98/1.56)^(1/10)) - 1 ] * 100%
                                                   = [ ((2.551)^(1/10)) -1 ] * 100%
                                                   =  9.82 %

2.) ประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ใน 10 ปีข้างหน้า
โดยใช้สูตร
EPS ในอนาคต = (EPS ปัจจุบัน) * ( 1 + (อัตราการเติบโตต่อปีของEPS /100))^n
โดย n = จำนวนปี

ในที่นี้ n = 10 (เราอยากทราบว่าEPS ใน10 ปีข้างหน้ามีค่าเท่าไร)
อัตราการเติบโตต่อปีของEPS = 9.82 % (จากการคำนวณในข้อ 1 )

EPS ใน 10 ปีข้างหน้า = (3.98) * (1.0982)^(10)
                                 = (3.98) * (2.55)
                                 = 10.16

3.) คำนวณราคาหุ้นในอนาคต โดยใช้สูตร
Price per share = (Price per share/Earning per share) * Earning per share
                         = P/E ratio * EPS

ในขั้นตอนที่ 2 เราคำนวณ EPS ใน10ปีข้างหน้าได้เท่ากับ $10.16 คำถามคือ เราจะใช้P/E ratio เท่าไรในการคำนวณ เราอาจใช้P/E ratio เฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา หรือ P/E ratio ของปีที่ต่ำที่สุดเพื่อให้มี margin of safety

ในกรณีนี้ Mary Buffett ใช้ P/E ratio = 16.4 ซึ่งเป็นค่าต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น

Price per share (ในปี 2021) = 16.4 * 10.16
                                            = $166.62

4.) หาผลตอบแทนจากการลงทุน
ถ้าเราซื้อหุ้น P&G ตอนปลายปี 2011 ที่ราคาตลาด $61 และขายในปี 2021
ที่ราคา $166.62 ผลตอบแทนรวมจะเท่ากับ [(166.62 - 61)/61] * 100% = 173%

ส่วนผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีหาได้จากสูตร
ผลตอบแทนเฉลียต่อปี = [((ราคาหุ้นปีสุดท้าย / ราคาตั้งต้น)^(1/n)) - 1] * 100%
โดย n = จำนวนปี
ในที่นี้ n = 10 ปี (ซื้อหุ้นปลายปี 2011 ขายปลายปี 2021)

ดังนั้น ผลตอบแทนต่อปี (Compound Rate of Return)
= [((166.62/61) ^ (1/10)) -1] * 100%
= 10.57%

โดยสรุป เราซื้อหุ้นนี้ ณ ปลายปี 2011 ที่ราคา $61 ถ้าหุ้นนี้มีอัตราการเติบโตของEPS เท่ากับ9.82%ต่อปี (ตามสถิติในช่วงปี10ปีที่ผ่านมา) ทำให้EPS ใน10 ปีข้างหน้าเท่ากับ $10.16 นอกจากนั้น ถ้าตลาดให้ค่า P/E ratio ของหุ้นนี้ในปี 2021เท่ากับ 16.4 เท่า (ซึ่งเป็นค่า P/E ratio ที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา) ราคาหุ้นนี้ ณ ปลายปี 2021 จะเท่ากับ $166.62 ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนต่อเงินลงทุน เท่ากับ 173% หรือคิดเป็น ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 10.57% รวมกับปันผลอีกประมาณ3.3%ต่อปี เป็น 13.87% (ปันผล3.3%นั้นถูกนำมาจากปี2011)

ท่านคิดว่า ผลตอบแทนประมาณนี้น่าสนใจไหม?

Buffett คิดว่าน่าสนใจ นั่นคือเหตุผลที่เขายังถือหุ้นนี้ต่อไป แม้ว่า ณ ราคาตลาดในปัจจุบัน เขาจะมีกำไรจากหุ้นบริษัทนี้ประมาณ $3,900 ล้าน

ถึงบรรทัดนี้ ท่านผู้อ่านคงจะพอเข้าใจแล้วว่า แนวทางในการพิจารณาเลือกหุ้นของ Buffett เป็นอย่างไร (เข้าใจง๊ายง่าย แต่ทำย๊ากยาก) และการประเมินราคาหุ้นในอนาคตอย่างเรียบง่ายของเขาทำอย่างไร (ใช้เครื่องคิดเลขราคาไม่กี่ร้อยก็คำนวณได้แล้ว) ส่วนที่ยากที่สุด และเราไม่สามารถช่วยท่านได้ คือ การเปลี่ยนทัศนคติของท่าน (และของเราด้วย) ให้ลงทุนลงแรง ค้นคว้า ศึกษาข้อมูล ของบริษัทที่เราจะลงทุน เพื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า บริษัทนั้นๆมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันที่ยั่งยืน (durable competitive advantage) ด้านใด ที่จะทำให้กำไรของบริษัทมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอในอนาคต

ในตอนต่อไป ซึ่งเป็นPart สุดท้ายของบทความชุดนี้ เราจะลองหาบริษัทในSETที่คาดว่ามี durable competitive advantage มาเป็นกรณีศึกษาในการประมาณการผลตอบแทนจากการลงทุนตาม สไตล์ Warren Buffett.

Posted in:
Twitter