ความผิดพลาดในการลงทุน ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นตอนที่ตลาดมีการปรับตัวลง หรือในช่วงที่ตลาดแกว่งมากๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำก็คือ นักลงทุนมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ทตอนตลาดขาลง แต่กลับขายหุ้นทิ้งไปเยอะแล้วก่อนที่จะถึงตลาดขาขึ้น พลาดรถไฟขบวนใหญ่ไปอย่างง่ายดาย
พอรู้อย่างนี้ หลายๆคนก็เลยไม่สนใจสื่อหรือความเคลื่อนไหวของตลาดไปเลย เพราะคิดว่า"ยิ่งดู ยิ่งเครียด" ปล่อยๆมันไปเดี๋ยวมันก็ฟื้น ถูกครับ ปล่อยๆมันไปเดี๋ยวมันก็ฟื้น ถูกต้องที่ปล่อยวางได้ แต่ผิดที่ไม่ทำอะไรเลย
นักลงทุนควรไม่ลืมว่า "Mr.Marketมีหน้าที่รับใช้คุณ ไม่ใช่ชี้นำทางให้คุณ" เวลา"นายตลาด"ตื่นตระหนก หวาดกลัวจนเสนอราคาซื้อ-ขายหุ้นที่ระดับต่ำผิดปกติ เขาผู้นี้ก็ได้รับใช้เราในแง่ที่ว่า เขาทำให้เราได้มีโอกาสซื้อของดีๆในราคาถูก แต่บางคนเห็นMr.Marketเป็นผู้ชี้นำทาง วันไหนเขากลัว เห็นแต่สิ่งแย่ๆในอนาคต เราก็กลับไปกลัวตาม จนรีบเทขายหุ้น ทั้งๆที่ขายได้ราคาไม่ดี
เมื่อMr.Marketมารับใช้เราถึงที่ SETTALKมีวิธีที่นักลงทุนที่สามารถนำไปปฏิบัติ เพื่อทำให้เราได้ประโยชน์จากMr.Marketมากขึ้น
1.) เขียนรายการช็อปปิ้งขึ้นมา
เมื่อเห็นราคาหุ้นลง นักลงทุนควรดีใจ เหมือนสาวๆเห็นของลดราคา ยิ่งลด ยิ่งชอบ
นักลงทุนคววรเขียนไว้ในกระดาษ หรือพิมพ์รายการขึ้นมาเลยว่า ตอนนี้เราสนใจหุ้นตัวไหนอยู่ เขียนขึ้นมาสัก4-5ตัว ที่เราอยากจะศึกษาต่อ
2.) ใช้เวลากับการศึกษาหุ้นให้มากขึ้น และจัดการเวลาให้ถูกต้อง
พอตลาดมันอยู่ในช่วงขาขึ้นแรงๆ เราก็ปล่อยมันไป ให้กำไรมันงอกเงยของมันไปเอง พอตลาดลงแรงๆเมื่อไร นักลงทุนควรตื่นตัว และใช้เวลาศึกษาหุ้นที่ตัวเองเขียนขึ้นมาในช็อปปิ้งลิสต์ให้มากๆ จะได้เก็บของถูกติดไม้ติดมือกันไป
Prem C. Jain เคยกล่าวไว้หนังสือของเขาว่า การใช้เวลากับการลงทุนที่ถูกต้องคือ ต้องใช้เวลากับหุ้นตัวนั้นๆในช่วงก่อนซื้อ มากกว่าในช่วงหลังซื้อ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่กลับทำตรงกันข้าม*
สิ่งนักลงทุนจำนวนมากทำก็คือ คุยกับหมู่เพื่อนๆที่เล่นหุ้นด้วยกัน ตัวไหนฟังดูดี จะโตเท่านั้นเท่านี้ เพราะเหตผลต่างๆนาๆ นักลงทุนก็เกิดความสนใจ เข้าไปกดดูในเว็บsettrade โอ้โหน่าเล่นจริงๆด้วย นักวิเคราะห์ก็บอกว่าดี ในข่าวก็บอกว่าดี โทรไปคุยกับโบรกเกอร์ก็บอกว่าดี! ทุกแหล่งคอนเฟิร์ม ใช้เวลารวมๆแล้วไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ตัดสินใจได้แล้วก็ส่งคำสั่งซื้อทันที!
ปรากฎว่าในระยะหนึ่งเดือนหลังจากการซื้อ นักลงทุนผู้นี้เปิดดูราคาทุกวัน วันละสามเวลา ราคาขึ้นก็ชอบ ราคาลงก็เซ็ง จนอาจจะกลัวจนขายหุ้นทิ้งไปเลย ผลก็คือMr.Markeกลายเป็นผู้ชี้นำทางของนักลงทุนไปโดยปริยาย นี้แหละครับ ความหมายของใช้เวลาช่วงหลังการซื้อ มากกว่าการใช้เวลาศึกษาหุ้นก่อนที่จะทำการซื้อ
การจัดการเวลาที่ถูกต้องคือต้องใช้เวลาศึกษาพื้นฐานหุ้นให้มากๆก่อนซื้อ และแค่คอยติดตามดูเป็นระยะๆว่าพื้นฐานของบริษัทยังดีเหมือนเดิมมั้ยหลังจากซื้อแล้ว
*จากหนังสือ Buffett Beyond Value: Why Warren Buffett Looks to Growth and Management When Investing
โดย Prem C. Jain 3.) เพ่งความสนใจไปที่พื้นฐานของธุรกิจ
เวลาตัดสินใจซื้อหุ้น อย่าพยายามที่จะเป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ อย่าพยายามที่จะเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ วิเคราะห์ตัวธุรกิจอย่างเดียวเป็นพอ นี้คือสิ่งที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ย้ำอยู่เสมอ
คิดออกมามูลค่าธุรกิจควรจะมีค่าประมาณเท่าไร และเราต้องจ่ายราคาเท่าไร ถ้าสิ่งที่เราได้มากกว่าที่ เงินที่เราต้องจ่ายอยู่เยอะ ธุรกิจนี้ก็น่าซื้อ
และถ้าจะสนใจ หรือวิเคราะห์ตัวแปรทางเศรษฐกิจ นักลงทุนควรมองสภาพเศรษฐกิจในระยะยาว หรือในระยะสองปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ถ้าสองปีข้างหน้าเราคาดว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นจากปัจจุบัน นักลงทุนก็ไม่ต้องเก็บเรื่องนี้มากังวล เวลาจะตัดสินใจซื้อ
4.) ทยอยซื้อ
เมื่อคิดได้แล้วว่าจะซื้อตัวไหน อย่าลืมทยอยซื้อนะครับ
