การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

28 สิงหาคม 2554

เล่นสั้น


หลายๆคนที่ผู้เขียนรู้จัก เป็นนักเล่นหุ้นระยะสั้น ชอบกำไรที่ได้มาง่ายๆ เร็วๆ แต่ทว่า ความจริงในโลกของการลงทุนที่ผู้อ่านควรทราบตั้งแต่เริ่มต้นลงทุนคือ 1.) ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แบบยั่งยืน 2.) กุญแจสำคัญสู่ประตูแห่งความสำเร็จในการลงทุนก็คือ การซื้อบริษัทที่พื้นฐานดี แล้วถือไปยาวๆ

เพราะฉะนั้นการเล่นสั้น ไม่ควรจะเป็นส่วนสำคัญของพอร์ทหุ้นของเรา ถ้าการซื้อแล้วถือยาวเป็นเหมือนข้าวมื้อหลัก การเก็งกำไรระยะสั้นควรเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น และที่สำคัญ นักลงทุนควรรู้ตัวเองด้วยว่า หุ้นถือตนกำลังจะซื้อนั้น ซื้อเพื่อถือยาว หรือซื้อเพื่อเล่นสั้น ไม่ใช่เวลาซื้อก็ไม่ทันได้นึก สุดท้ายก็จบที่ถือสั้นทุกตัว กำไรก็แทบไม่มีให้เห็น

อย่างไรก็ตามทางSETTALKรู้ดีครับว่า ประชากรของนักลงทุนเกินกว่า90% เป็นนักเล่นระยะสั้น วันนี้ ผู้เขียนจึงมาเขียนแนะนำว่า การเล่นสั้น หรือ การกิน"น้ำจิ้ม"ที่ถูกต้องนั้น ควรทำอย่างไร

1.) หุ้นแบบไหนน่าซื้อมาเล่นสั้น

หุ้นที่นักลงทุนนำมาเล่นสั้นนั้น จะเป็นหุ้นที่พื้นฐานดีหรือไม่ดีก็ตาม ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างที่ตลาดไม่รู้ หรือ รู้บางอย่างที่ยังไม่ถูกสะท้อนในราคาตลาด ขัดกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่า "เล่นสั้นต้องซื้อตัวที่ใครๆก็พูดถึง อาม่า อากงชอบ โบรกเกอร์เชียร์" ส่วนใหญ่หุ้นจำพวกนี้ไม่เหลือกำไรให้เราเก็งแล้วครับ

บางคนอาจคิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็ต้องเล่นสั้นตอนรู้ข้อมูลวงในอย่างเดียวละสิ ไม่จำเป็นครับ บางอย่างอาจจะเป็นข้อมูลที่ออกข่าวเลยด้วยซ้ำ แต่ราคาตลาดยังไม่สะท้อนข้อมูลนี้ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ตลาดอยู่ในช่วงซบเซา หรือช่วงขาลง, ไม่ค่อยมีโบรกเกอร์มาวิเคราะห์หุ้นตัวนี้ หรือ มีคนกลุ่มใหญ่ไม่ไว้ใจผู้บริหาร จนราคาหุ้นพลอยถูกกดให้ต่ำลงเกินกว่าเหตุ

ตัวอย่าง 1: นักลงทุนชื่อ นายเอ เห็นว่าหุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดบ้านเรานั้นลงมาเยอะแล้ว เป็นโอกาสดีที่จะเก็งกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มแบงค์ใหญ่ๆ เช่น SCB BBL KBANK เพราะนายเอคาดว่าผลกระทบจากการชลอตัวในอเมริกา และยุโรปต่อรายได้ธนาคารเหล่านี้จะมีน้อยมาก เพราะฉะนั้น พอผลประกอบการไตรมาสที่สามถูกประกาศเมื่อไร มีความเป็นไปได้สูงว่ากำไรจะมีอัตราการเติบโตที่ดีเหมือนปกติ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นจากราคาปัจจุบัน

ตัวอย่างที่ 2: นักลงทุนชื่อ นายบี เห็นว่ากลุ่มบริษัทที่ขายไก่น่าสนใจ บริษัทหลักๆในกลุ่มนี้ได้แก่CPFและGFPT ที่น่าสนใจก็เพราะว่า นอกจากราคาตลาดจะปรับตัวลงมาพอสมควรแล้ว เมื่อต้นปีสหภาพยุโรปได้ส่งทีมงานมาตรวจฟาร์มไก่ในไทย และพบว่ามีมาตรฐานที่เพียงพอ และเตรียมตัวอนุมัติให้กลุ่มประเทศสมาชิกสามารถนำเข้าเนื้อไก่สดจากไทยได้ หลังจากเนื้อไก่สดจากประเทศไทยถูกห้ามนำเข้าตั้งแต่ปี2004 เพราะไข้หวัดนกระบาด ถ้ายุโรปอนุมัติจริง ยอดขายก้าวจะกระโดด และนายบีเชื่อว่าตลาดจะตอบรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

2.) กำหนดช่วงเวลาที่จะขาย

ในการเก็งกำไรระยะสั้น นักลงทุนต้องต้องกำหนดช่วงเวลาที่จะขาย หรือกำหนดเป้าหมายของกำไรไว้อย่างชัดเจน ถ้าเป็นในตัวอย่างที่หนึ่ง นายเออาจกำหนดไว้เลยว่า หุ้นธนาคารที่เขาซื้อมา ณ วันนี้ เขาจะขายภายในระยะเวลาหลังจากธนาคารประกาศผลประกอบการไตรมาสสามได้หนึ่งอาทิตย์ หรือเมื่อได้กำไรประมาณ15%จากราคาซื้อ แล้วแต่ว่าอันไหนมาถึงก่อนกัน

ถ้าเป็นในตัวอย่างที่สอง นายบีอาจใช้การคาดเดาว่ายุโรปน่าจะไฟเขียวภายในปีนี้ นักลงทุนก็กำหนดไปเลยว่า เมื่อถึงวันที่ตลาดเปิดวันสุดท้ายของปีเมื่อไร ขายทันที หรือ จะขายภายในหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ยุโรปประกาศอนุมัติไปแล้วก็ได้ แล้วแต่ว่า เหตุการณ์ไหนมาถึงก่อน

ที่กำหนดวิธีการขายชัดเจนแบบนี้ก็เพราะว่า การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การเก็งกำไรระยะสั้นนั้น มีความเสี่ยงมาก! นักลงทุนไม่ควรโลภกำไร จนถือหุ้นที่ตัวเองไม่รู้จักดีพอนานเกินความจำเป็น (หรือหุ้นพื้นฐานแย่ๆ) หลังจากที่ข้อมูลที่เราเก็งไว้ว่าจะทำให้ราคาขึ้น ถูกประกาศจนตลาดรับรู้อย่างชัดเจนแล้ว ก็ทยอยขายให้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์


สรุป
  • ให้เก็งเฉพาะหุ้นที่เรามั่นใจมากๆว่ามีดีบางอย่าง แต่ข้อมูลนั้นยังถูกเมิน เพราะตลาดอยู่ในช่วงขาลง หรือคนหมู่มากไม่ทันสังเกต
  • กำหนดช่วงเวลาที่จะขาย หรือเป้ากำไรที่จะขายไว้อย่างชัดเจน และทำให้ได้อย่างที่กำหนดไว้ อย่าโลภ!
หุ้นที่เกี่ยวข้อง: SCB, BBL, KBANK, CPF, GFPT

เปิดเผยข้อมูล: ณ เวลาที่เขียน ผู้เขียนได้ถือหุ้นSCB,BBL และ CPFไว้อยู่จำนวนหนึ่ง และในขณะเดียว ก็กำลังวางแผนจะซื้อGFPT และวางแผนจะขายBBLในอนาคตอันใกล้

Posted in:
Twitter