การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

10 สิงหาคม 2562

The tools you need: จะเล่นหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง


"อยากเล่นหุ้น ต้องทำไงบ้าง?" คำถามง่ายๆ ที่ผมไม่เคยมีคำตอบง่ายๆให้

การลงทุนหุ้น ก็คล้ายๆกับ อาชีพสาขาอื่น และการเล่นกีฬาต่างๆ คนที่มีหลักการที่ถูกต้อง ทุ่มเท ขยันฝึกฝน ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาว ไม่มีทางลัด

เมื่อมีคนถามว่าเล่นหุ้นต้องเตรียมตัวยังไง คำถามแรกที่ผมถามกลับไปคือ รู้บัญชีมั้ย อ่านงบการเงินเป็นหรือเปล่า เพราะงบการเงิน คือ ภาษาที่ธุรกิจใช้สื่อสารออกมาว่าผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร ถ้าไม่เข้าใจบัญชี ก็ไม่เข้าใจอดีตของธุรกิจ ถ้าไม่เข้าใจอดีตของธุรกิจ การวิเคราะห์อนาคตของธุรกิจคงเป็นไปได้ยาก อย่างน้อยที่สุดนักลงทุนควรจะเข้าใจว่าอัตราส่วน P/E P/BV ROA ROE คืออะไร คำนวนมาจากอะไร มีความสำคัญยังไง

ซึ่งนำมาสู่ สิ่งจำเป็นข้อที่สอง คือ ความสามารถในการวิเคราะห์ธุรกิจ เข้าใจว่ายอดขาย และต้นทุนสามารถเพิ่มขึ้นและลดลงเพราะปัจจัยอะไรได้บ้าง แนวโน้มการเติบโตของยอดขายและกำไรในระยะยาวเป็นอย่างไร ในข้อนี้ Warren Buffett จะพูดเสมอว่าเขาจะลงทุนเฉพาะในธุรกิจที่เขาเข้าใจเป็นอย่างดีเท่านั้น (อยู่ใน circle of competence) และที่สำคัญต้องเข้าใจด้วยว่าบริษัทที่เราจะลงทุนมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไร (อ่านเกี่ยวกับ ความได้เปรียบทางการแข่งขัน หรือ competitive advantage ได้ในบทความ 5 จุดแข็งของบริษัทที่น่าลงทุน) ส่วน Peter Lynch ก็แนะนำให้ลงทุนในธุรกิจที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ของที่เราต้องกินใช้อยู่ทุกวัน (ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น) หรือ สามารถเอาความรู้จากวิชาชีพของเรามาต่อยอดได้ แพทย์ก็ควรจะเข้าใจธุรกิจโรงพยาบาลมากกว่าคนทั่วไป นักข่าว-นักแสดงก็ควรจะเห็นมุมมองธุรกิจสื่อมากกว่าคนอื่น พนักงานบริษัทก็ควรจะเข้าใจอุตสาหกรรมและธุรกิจของนายจ้างในระดับนึง

You don’t have to be an expert on every company, or even many. You only have to be able to evaluate companies within your circle of competence. The size of that circle is not very important; knowing its boundaries, however, is vital.” - Warren Buffett
สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ในการเล่นหุ้น คือ คุณต้องบอกได้ว่าหุ้นตอนนี้ถูกไปหรือแพงไป เพราะการรู้ว่าแนวโน้มธุรกิจดีแล้วจะลงทุนเลยคงไม่ดีเท่าไรนัก ถ้าราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปมากแล้ว (หุ้นแพง) ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่แนวโน้มไม่ค่อยดี อาจเป็นการลงทุนที่ดีได้ ถ้าราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังเชิงลบมากเกินไป(หุ้นราคาถูก) ทั้งนี้ โอกาสในการลงทุนในหุ้นดีๆราคาถูกมักจะมาตอนที่ ตลาดหุ้นตกใจกับวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตอุตสาหกรรม หรือวิกฤตของบริษัทเอง ที่เกิดขึ้นชั่วคราว ความยากคือ ต้องวิเคราะห์ให้ออกว่า 1) วิกฤตครั้งนี้เกิดขึ้นชั่วคราวหรือระยะยาว 2) ณ ระดับราคาไหนที่ว่าราคาเริ่มถูกแล้ว พอวิเคราะห์ออกแล้วว่าราคาถูก ต้องใจถึงพอที่จะซื้อแล้วถือเวลาราคาหุ้นลงต่อเนื่องด้วย


"First-level thinking says, “It’s a good company; let’s buy the stock.” Second-level thinking says, “It’s a good company, but everyone thinks it’s a great company, and it’s not. So the stock’s overrated and overpriced; let’s sell." - Howard Marks
สรุป สิ่งที่นักลงทุนหุ้นต้องรู้คือ
1) พื้นฐานบัญชี งบการเงิน
2) ความเข้าใจในธุรกิจที่จะลงทุนอย่างถ่องแท้ จนวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคตได้
3) บอกได้ว่าราคาหุ้นถูกหรือแพง (และใจถึงพอที่จะซื้อและถือเวลาราคาหุ้นเริ่มถูก)

แน่นอนว่า คนที่เรียนบัญชี และสาขาวิชาที่เกี่ยวกับธุรกิจและเศรษฐกิจย่อมได้เปรียบคนที่ต้องมาศึกษาเองอยู่พอสมควร ส่วนความใจถึงในการซื้อและถือหุ้นในช่วงวิกฤต คงไม่มีโรงเรียนไหนสอน แต่สามารถพัฒนาได้ด้วยตนเอง ไม่มีกฎหมายที่ไหนห้ามไม่ให้คนที่ไม่รู้ครบ 3 ข้อที่ทางเราเพิ่งเขียนไปไม่ให้เล่นหุ้น แต่ถ้าคุณไม่มีเครื่องมือพร้อม 3 ข้อ แล้วยังเล่นหุ้นด้วยตัวเอง มีโอกาสสูงมากที่ คุณจะ 1) ตกใจขายหุ้นเวลาราคาลงแรงๆ (เพราะไม่มีความรู้มากพอที่จะเชื่อมั่นในธุรกิจและซื้อหุ้นเพิ่ม ในเวลาที่ราคาถูกลง) 2) ตื่นเต้นจนกระโดดเข้าไปซื้อหุ้น เวลาราคาขึ้นแรงๆ (เพราะกลัวตกรถ ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าใจพื้นฐานธุรกิจเท่าไร)

เป็นนักลงทุน ก็เหมือนเป็นนักเรียนตลอดชีวิต เพราะเราต้องพัฒนาตัวเอง และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอด หนทางอาจจะไม่ได้ราบรื่น แต่ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากที่มีพื้นฐานทางบัญชีอยู่แล้ว สามารถพัฒนาตัวเองเป็นนักลงทุนที่ดีได้ถ้าทุ่มเทและให้เวลากับมัน ถ้ารู้สึกว่ามันมากไปที่ต้องมาเตรียมพร้อมตัวเองให้ทำได้ทั้ง 3 ข้อ ทางเราขอแนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนดีกว่าครับ

ส่วนคนที่พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง เรามีหนังสือมาแนะนำให้ครับ

หนังสือการลงทุนเหมาะสำหรับ มือใหม่ และ นักลงทุนมีประสบการณ์
1.) The Intelligent Investors โดย Benjamin Graham
2.) One Up On Wall Street โดย Peter Lynch
3.) Little Book That Still Beats the Market โดย Joel Greenblatt
4.) Random Walk Down Wall Street โดย Burton G. Malkiel

หนังสือการลงทุนเหมาะสำหรับ นักลงทุนมีประสบการณ์
1.) The Most Important Thing: Uncommon Sense for the Thoughtful Investor โดย Howard Marks
2.) The New Buffettology โดย Mary Buffett และ David Clark
3.) The Essays of Warren Buffett: Lessons for Corporate America โดย Warren Buffett และ Lawrence A. Cunningham

"Investment is most intelligent when it is most businesslike." - Benjamin Graham

Posted in:
Twitter