การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

25 มีนาคม 2555

Quotes เด็ดๆ: "Be greedy when the others are fearful" [ปรับปรุงเล็กน้อย]


เราหวังว่า คำพูดของนักลงทุนชั้นเซียน [พร้อมคำแปล และคำอธิบายประกอบ] ที่เรากำลังจะนำเสนอต่อไปนี้จะเป็นตัวช่วยในการชี้นำการลงทุนในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตลาดหุ้น และช่วยสร้างความมั่งคั่งของนักลงทุนในระยะยาว



"Individuals who cannot master thier emotions are ill-suited to profit from the investment process." Benjamin Graham, Father of Value Investing

"บุคคลที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้นั้น ไม่เหมาะสมที่จะทำกำไรจากการลงทุน"

ธรรมชาติของมนุษย์นั้นมักมีอารมณ์อยู่ร่วมกันเหตุผลเสมอ โดยส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นอารมณ์จะเป็นตัวทำลายความสามารถของนักลงทุนในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น ความโลภ ความกลัว และอารมณ์ต่างๆที่ส่งผลให้เราทำตามคนอื่นอย่างไม่ได้ไตร่ตรองเสียก่อน สำหรับแกรห์มและนักลงทุนชั้นเซียนหลายๆคน การสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวนั้นเกิดได้จากการ "ซื้อถูก ถือยาว ขายแพง" แต่อารมณ์กลับทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ "ซื้อแพง ถือสั้น ขายถูก"



"History provides a crucial insight regarding market crises: they are inevitable, painful, and ultimately surmountable." Shelyby M.C. Davis, Advisor and Founder, Davis Advisors

"ประวัติศาสตร์ทำให้เราเข้าใจวิกฤตของตลาดหุ้นอย่างลึกซึ้งว่า มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นสิ่งที่เจ็บปวด แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถเอาชนะได้ในที่สุด"

คนจำนวนไม่น้อยเข้ามาเล่นหุ้นด้วยความดิดที่ว่า ตลาดหุ้นเป็นที่ที่หาเงินได้ง่าย ไม่ต้องลงแรงอะไรมาก แต่คนเหล่านี้อาจลืมไปว่า ตลาดขาลงแบบรุนแรงนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ในช่วง20ปีที่ผ่านมา ตลาดบ้านเราเจอวิกฤตมา3ครั้งใหญ่ๆด้วยกัน คือ 1.) วิกฤตต้มยำกุ้ง SET Index ปรับตัวลงจาก1410ตอนสิ้นเดือนมกราคมปี1996 ไปจุดต่ำสุดที่ 214ในเดือนสิงหาคม1998 หรือลดลงประมาณ 85% ภายในเวลาสองปี กับแปดเดือน 2.) วิกฤตอินเตอร์เน็ตจากอเมริกา SET ปรับตัวลงจากประมาณ481ตอนสิ้นเดือนธันวาคม1999 มาที่269หนึ่งปีต่อมา หรือลดลง44% 3.) วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์จากอเมริกา ตลาดบ้านเราปรับตัวลงจาก907 ณ สิ้นเดือนตุลาคมปี2007 มาอยู่ที่401 สิ้นเดือนพฤศจิกายนปีต่อมา หรือ ลดลงประมาณ56% ภายในช่วงหนึ่งปีเศษ

เฉลี่ยวิกฤตสามครั้งล่าสุด ตลาดปรับตัวลงจากจุดสูงสุดมาที่จุดต่ำสุด(โดยดูจากดัชนีSETณ สิ้นเดือน)มากถึง61% เพราะฉะนั้น นักลงทุนควรทราบว่าความเสี่ยงมีอยู่เสมอ


"If you can't convince yourself "When I'm down 25 percent, I'm a buyer" and banish forever the fatal thought "When I'm down 25 percent, I'm a seller," then you'll never make a decent profit in stocks" Peter Lynch, Legendary Investor and Author

"ถ้าคุณไม่สามารถทำให้ตัวเองเชื่อมั่นได้ว่า "ถ้าราคาตก25เปอร์เซ็นต์ ฉันจะเป็นผู้ซื้อ" และเลิกคิดไปตลอดกาลกับความคิดที่อันตรายถึงชีวิตที่ว่า "ถ้าราคาตก25เปอร์เซ็นต์ ฉันจะเป็นผู้ขาย" คุณจะไม่สามารถทำกำไรที่เหมาะสมได้เลยในการลงทุนหุ้น"

เป้าหมายของนักลงทุนคือ การซื้อถูก ขายแพง และหุ้นที่นักลงทุนซื้อแต่ละตัวนั้น นักลงทุนจะต้องถามตัวเองว่า ถ้าหุ้นปรับตัวลงไปเยอะมาก เราจะกล้าซื้อเพิ่มหรือไม่? ถ้าหุ้นนั้นดีจริง ก็ควรกล้าซื้อเพิ่ม เพราะของดีๆยิ่งราคาถูก ยิ่งต้องซื้อ แต่ถ้าคุณลังเล หรือตอบไม่ได้ว่าถ้ามันราคาลง แล้วจะกล้าซื้อเพิ่มหรือไม่ คุณก็ไม่ควรซื้อหุ้นตัวนั้นตั้งแต่แรก



"Despite inevitable periods of uncertainty, stocks have rewarded patient, long-term investors." Christopher C. Davis, Portfolio Manager, Davis Advisors

"ถึงแม้จะมีความไม่แน่ไม่นอนอยู่บ้างในบางช่วงเวลา หุ้นก็ยังให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนระยะยาวที่อดทน"

จากปี1928ถึงปี2007 ดัชนี้Dow Jonesให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกเป็นระยะเวลา59ปี จากช่วงเวลา80ปี หรือ 74% ของช่วงเวลาดังกล่าว แต่ถ้าเรายืดเวลาการถือจากหนึ่งปีเป็นห้าปี หุ้นจะให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกเป็น93%จากช่วงเวลาทั้งหมด (กำไร71ช่วง จากทั้งหมด76ช่วงเวลา) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความอดทน นั้นมีค่าต่อนักลงทุนแค่ไหน


"Be fearful when others are greedy. Be greedy when others are fearful." Warren Buffett, Chairman, Berkshire Hathaway

"จงกลัวเวลาที่ผู้อื่นโลภ และโลภเวลาที่ผู้อื่นกลัว"

บัฟเฟตต์กล่าวไว้เสมอว่า นักลงทุนไม่ควรซื้อ/ขายหุ้น เพราะเก็งว่าหุ้นจะขึ้น หรือจะลง แต่ถ้านักลงทุนยังพยายามที่จะเลือกเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน เขาควรซื้อตอนนี้ที่ตลาดเต็มไปด้วยความกลัว เพราะจะเป็นตัวกดให้ราคานั้นถูกเกินไป และหยุดซื้อ หรือขาย ตอนที่ทุกคนโลภและคิดว่าตลาดยังขึ้นได้อีกเยอะแยะ เพราะมันจะเป็นตัวดันให้ราคาสูงเกินไปเสียแล้ว


"The function of economic forecasting is to make astrology look respectable." John Kennenth Galbralth, Economist and Author

"หน้าที่ของการคาดการณ์เศรษฐกิจนั้นคือ การทำให้โหราศาสตร์ดูน่าเคารพนับถือ"

การทำนายเศรษฐกิจนั้นทำได้ยากมาก แม้กระทั้งสถาบันชั้นนำต่างๆซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากมายไม่ว่าจะเป็น แบงค์ชาติ สถาบันการเงินชั้นนำ ก็ยังทายผิดกันบ่อยเหลือเกิน พอเศรษฐกิจดี ส่วนใหญ่ก็จะทำนายว่ามันจะดีต่อ พอเศรษฐกิจแย่ก็จะทายว่าแย่ต่อ พอเวลาผ่านไป มันไม่ได้แย่ต่ออย่างที่คิด ก็ปรับตัวเลขประมาณการขึ้น หรือถ้าไม่ได้ดีเหมือนที่คาด ก็ปรับประมาณการลง คนเหล่านี้ไม่ใช่คนไม่ฉลาด แต่พวกเขาทีหน้าที่ต้องทายสิ่งที่คาดเดาได้ยากมากๆ

จริงอยู่ว่า ตลาดหุ้นขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต แต่นักลงทุนก้ไม่ควรให้ความสนใจกับการคาดการณ์เหล่านี้มากนัก เพราะตัวเลขพวกนี้มีโอกาสผิดมากกว่าโอกาสถูก


"You make most of your money in a bear market, you just don't realize it at the time." Shelby Cullom Davis, Diplomat, Legendary Investor and Founder of the Davis Investment Discipline

"เงินส่วนใหญ่ที่คุณหามาได้นั้นมาจากตลาดขาลง คุณแค่ยังไม่ตระหนักในเวลานั้น"

ถ้าโลกนี้ไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่มีความไม่มีเหตุไม่มีผลในโลกการเงิน ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาหุ้นจะขยับขึ้นตามกำไรของบริษัทในทุกๆปีอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ผลตอบแทนของนักลงทุนก็คงไม่น่าตื่นเต้นอะไรนัก

แต่ วิกฤต = โอกาส โอกาสให้เราซื้อของถูกกว่าปกติ พอซื้อของดีที่ราคาถูกๆ ผลตอบแทนก็ทวีคูณ


สิ่งที่นักลงทุนควรได้จากคำพูดของเซียนเหล่านี้ คือ
  • ต้องไม่อ่อนไหวตามอารมณ์ของตลาด และเข้าใจว่าวิกฤตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
  • มีความอดทนที่จะ  รอซื้อของถูก และถือหุ้นที่ดีๆไว้ยาวๆท่ามกลางวิกฤตต่างๆ
  • ตลาดขาลงแรงๆให้เริ่มซื้อ ไม่ใช่ขาย เพราะนั้นคือช่วงเวลาสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างมหาศาล
(คลิกที่นี้เพื่ออ่าน Quotes เด็ดๆ Part II)

(1) Wisdom of Great Investors โดย Davis Advisor

Posted in:
Twitter