คุณไชยพร รองประธานบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ที่ทายว่าSETจะขึ้นต่อ โดยให้เหตุผลว่าจะมีเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาเพิ่มในตลาดไทยอีกประมาณ3-4หมื่นล้านบาทในปีนี้ และP/E ratioของบ้านเราก็ยังถูกกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเอเชียอยู่ประมาณ25% (กล่าวไว้เมื่อวันพฤหัส ตอนดัชนีอยู่ที่787.98) และยังคาดการณ์ไว้อีกว่าดัชนีจะขึ้นไปแตะ840จุด ภายในไม่กี่อาทิตย์ที่จะถึง
คุณโกศิน หัวหน้าทีมวิจัยของUOB Securities เป็นอีกหนึ่งคนที่มองตลาดในแง่บวก โดยกล่าวว่าSETจะขึ้นมาอยู่ในช่วงระหว่าง830-840ภายในเดือนนี้ เนื่องจากเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับดอกเบี้ยที่คาดว่าจะอยู่ต่ำติดดินจนถึงเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ เงินทุนจากกองทุนต่างประเทศยังคงจะไหลเข้ามาเรื่อยๆ เพราะทวีปเอเชียเป็นผู้นำด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆตัวของอเมริกาก็ออกมาดีเกินคาด โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งระบุว่าสหรัฐอเมริกามีการจ้างงานเพิ่มในเดือนมีนาคมถึง162,000งาน ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานเพิ่มต่อเดือนที่สูงที่สุดในรอบ3ปี
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามามากเท่าไร ตลาดบ้านเราก็ใกล้เวลาปรับตัวย่อยเต็มที ถ้าขึ้นก็ขึ้นได้ไม่เยอะ หุ้นตัวไหนกำไรเยอะแล้ว แนะนำให้ทยอยขายไปก่อน ด้วยเหตุผล3อย่าง
1.)SET สูงสุดในรอบ22เดือน
มองย้อนกลับไปเมื่อ22เดือนที่แล้ว หรือเมื่อประมาณมิถุนายน2551 คือเป็นช่วงก่อนที่Lehman Brotherล้ม หรือเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจนั้นเอง ทุกอย่างกำลังราบรื่น GDPปกติ การนำเข้า ส่งออกก็กำลังไปได้สวย ไม่มีอะไรน่ากลัวในตลาดหุ้น (ยกเว้นการประท้วงของเสื้อเหลืองซึ่งพึ่งเริ่มขึ้นได้ไม่นาน) เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ตอนนี้ ถึงแม้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวก็จริง แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกๆตัวก็ยังต่ำกว่าสิ่งที่ประเทศไทยเคยได้ก่อนหน้าวิกฤตเศรษฐกิจอยู่พอสมควร
เราอาจให้เหตุผลได้ว่า การที่SETขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดียวกันกับตอนที่เศรษฐกิจเป็นปกติ และทำอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในอเมริกา เนื่องจากตลาดพอคาดเดาออกว่าภายในอนาคตอันไม่ไกล ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าดัชนีตลาดขึ้นมา12%จากประมาณ700จุดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ซึ่งจะเป็นการหลงผิดอย่างยิ่งถ้าเราจะคิดว่าSETจะขึ้นต่อได้อีกมากมายภายในเวลาอันสั้นแบบนี้ โดยไม่ต้องปรับตัวลงมาเลย
ถ้าตลาดยังขึ้นต่อได้อีก ผมแนะนำให้ทยอยขายหุ้นทีกำไรดีๆก่อน เพราะผมคาดว่ายังมีเวลาให้เข้าไปซื้อใหม่อีกครั้ง เนื่องจากอีกไม่นาน หุ้นก็คงปรับตัวลงมาไม่มากก็น้อย
1เดือนที่ผ่านมาเต็มๆ สถาบัน โบรกเกอร์ และนักลงทุนในประเทศล้วนแล้วแต่ขายกันทั้งสิ้น มีแต่สถาบันต่างชาติเท่านั้นที่ปริมาณสุทธิเป็นซื้อ ด้วยเหตุผลที่เราได้ยินทั่วไปในสื่อว่า "ดัชนีวันนี้บวกอีก...จุด เพราะต่างชาติคาดว่าการเมืองจะไม่ยืดเยื้อ และไม่เกิดความรุนแรง"
ฝรั่งเขาไล่ซื้อตั้งแต่SETอยู่ที่ประมาณ700(ซึ่งผมก็เชียร์นักเชียร์หนาไว้ในหลายๆบทความว่าให้ซื้อตั้งแต่690) ตอนนี้ดัชนีขึ้นมา12%กว่าๆแล้ว ด้วยดัชนีเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้ พอร์ทต่างชาติก็คงมีกำไรประมาณ20% ซึ่งเป็นระดับที่อันตรายพอสมควร เพราะสถาบันต่างชาติเขาจะเริ่มเทขายทำกำไรตอนที่พอร์ทเขามีผลตอบแทนประมาณ20%-25%
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ผมคาดว่าฝรั่งเขาพร้อมที่จะขายมากขึ้นในทุกๆขณะที่SETปรับตัวสูงขึ้น เพราะฉะนั้นพอมีข่าวร้ายจากการเมืองนิดเดียว เขาจะหาเรื่องขายทันที และข่าวก็จะออกมาในรูปนี้ "วันนี้ดัชนีตลาดไทยปิดลบด้วยแรงเทขายจากต่างชาติ ซึ่งไม่ไว้ใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทย และเชื่อว่าการชุมนุมจะเป็นปัญหายืดเยื้อ"
3.) ภาพลวงตา
ถ้าพอจะจำกันได้ ตอนที่ดัชนีอยู่ที่690 นักวิเคราะห์ร้อยทั้งร้อยจะแนะนำว่า "ลงให้ซื้อ ขึ้นให้รีบขาย" เพราะคาดว่าหุ้นขึ้นได้ไม่เยอะ ขาขึ้นถูกจำกัดโดยการเมืองเป็นปัจจัยหลัก พอหุ้นมาอยู่ที่ประมาณ710-715 นักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ๋ก็ยังบอกว่าขึ้นให้ขาย
พอตลาดขึ้นตูมมาปิดแถว780-800 โทนของนักวิเคราะห๋เปลี่ยนไป จากบอกว่าขึ้นได้ไม่เยอะ กลายเป็นบอกว่า ยังขึ้นต่อได้อีกพอสมควร โดยมีปัจจัยบวกมาสนับสนุนหลากหลาย ได้แก่ ราคาหุ้นยังถูก โดยราคายังต่ำกว่าพื้นฐานและราคาเฉลี่ยของภูมิถาคอยู่พอสมควร และfund flowต่างชาติยังเข้า
สิ่งที่ผมสงสัยคือ ทำไมตอนที่SET indexอยู่ที่690 ไม่เห็นมีใครออกมาบอกเลยว่าราคาหุ้นมันถูกไป ซื้อได้แล้วนะ แต่กลับมาบอกว่าหุ้นน่าซื้อตอนดัชนีอยู๋ที่800?
ที่สำคัญ ตอนนี้นักวิเคราะห์หลายค่ายก็มองตลาดในแง่บวกมาพักหนึ่งแล้ว สิ่งเหล่านี้คือภาพลวงตาขาขึ้นหรือเปล่า
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบBUY LOW, SELL HIGH สัปดาห์ที่จะถึงเนี่ยละครับเริ่มทยอยขายได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
SET Index ณ วันที่โพส = 801.15
แนะนำ = ทยอยขายหุ้นที่กำไรดีก่อน ขายหุ้นที่กำไรน้อยทีหลัง และรอรับซื้อกลับตอนราคาปรับตัว
สิ่งที่คาดเดา = ดัชนีจะมีการปรับตัวลดลงไม่มากก็น้อย
