การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

23 เมษายน 2553

น่าดีใจ หุ้นไทยมีให้เล่นหลายรอบ


การที่ตลาดหุ้นปรับตัวในระยะเวลา2สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เหมือนเป็นการเตือนสติของนักลงทุนให้กลับมาทบทวนและพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนกันใหม่ จากดัชนีจุดสูงที่812 ใช้เวลาเพียงห้าวันก็ร่วงลงมาที่จุดต่ำสุดที่726 ต่างชาติก็คงได้สติว่าการเมืองไทยไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด นักลงทุนรายย่อยก็คงได้สติว่า ซื้อตามต่างชาติก็ใช่ว่าจะทำกำไรได้เสมอไป พวกนักวิเคราะห์ที่เคยบอกว่าหุ้นไทยราคาถูกไป ก็เงียบหายไปซะอย่างงั้น

หนึ่งในสาเหตุที่SET indexปรับตัวลงมาแรงก็คือ ขาขึ้นมันก็ขึ้นเร็วเกินไป ไม่มีเหตุอะไรเพียงพอที่จะมารองรับ ไม่ว่าใครจะบอกว่าหุ้นไทยพื้นฐานดีแค่ไหนก็ตาม แต่การที่ตลาดพุ่งทยานขึ้น100จุดภายในเดือนเดียว ก็เป็นตัวเลขที่น่าตกใจที่หลายๆคนควรสังเกตุเห็น ตอนที่ดัชนีอยู่ที่800 ผมได้เขียนบทความเตือนผู้อ่านให้ทยอยขาย แต่กลับมีเสียงตอบรับว่ามันยังขึ้นได้อีก บางคนก็ว่าจะขึ้นไปถึง900จุด

ต้องพูดว่า ความไม่มีเหตุผล และภาพลวงตา ได้เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในขณะนั้น ซึ่งนักลงทุนทำอย่างกับลืมไปว่า ดัชนีเคยอยู่ที่700เศษๆก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ถ้าใครมีเหตุมีผลเพียงพอ และพยายามที่จะไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับตลาด ก็คงพอจะคาดเดาได้ว่าจะต้องมีการปรับตัว เพราะหุ้นมันขึ้นมาเยอะเกินไป และเร็วเกินไป

ขาลงก็เช่นเดียวกัน เราก็จะเห็นได้ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีลงมาลึกเกินไป เร็วเกินไป

มองในแง่มุมหนึ่งก็อาจจะพูดได้ว่าตลาดหุ้นไทยนี้แย่ ไม่ไปไหนสักที ย่ำไปย่ำมาอยู่ที่เดิม ทั้งๆที่ตลาดทั่วโลกเขาฟื้นกันหมดแล้ว แต่มองอีกแง่หนึ่ง ก็อาจจะพูดได้ว่าตลาดไทยนี้ดีนะมีให้เล่นหลายรอบ อีกอย่าง จากการสังเกตุพฤติกรรมในอดีตของSET ในระยะยาวหุ้นไทยจะต้องปรับตัวตามแนวโน้มของตลาดโลกเสมอ ซึ่ง1เดือนทีผ่านมาตลาดเมืองนอกเขาก็ทยอยกันบวกขึ้นมาเรื่อยๆ

จากการขึ้นและลงของตลาดบ้านเราในครั้งนี้ นักลงทุนควรเรียนรู้ว่าหลักในการเล่นหุ้นที่สำคัญที่สุดคือซื้อหุ้นจากคนที่มองตลาดในแง่ลบจนเกินไป และขายหุ้นให้กับคนที่มองตลาดในแง่บวกจนเกินไป

วันนี้ผมจะมาแนะนำtipsเล็กๆน้อยในการเลือกซื้อหุ้นในทุกๆสถานการณ์ และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างที่เกิดขึ้น ณ ปัจุบัน หุ้นที่คุณลงทุนควรมีคุณสมบัติสามข้อต่อไปนี้
1. บริษัทมีการจัดการดี และมีสัดส่วนที่เป็นหนี้น้อย
2.เป็นบริษัทที่เราสามารถคาดเดาได้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นใน2-5ปีข้างหน้า
3.เป็นบริษัทที่คุณสบายใจ และอยากที่จะเป็นเจ้าของ ถึงแม้ว่าจะไม่มีตลาดให้ซื้อขายหุ้นก็ตาม

ถ้าบริษัทของคุณผ่านสามข้อนี้ผมรับรองได้ว่า ต่อให้ตลาดปรับตัวมากเท่าไร หุ้นที่คุณถือจะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

โดยส่วนตัวแล้วผมชอบข้อสาม เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้
ลองถามตัวคุณเองดู ถ้าทุกวันนี้ไม่มีตลาดให้ซื้อขายหุ้น คุณยังอยากจะลงทุนในบริษัทนั้นๆหรือไม่?
ถ้าอยากก็แสดงว่าคุณเชื่อมั่นในบริษัทนั้นมากพอที่จะซื้อหุ้นของเขา และราคาที่แกว่งไปมาในตลาดหุ้นก็คงไม่ใช้สิ่งที่คุณสนใจมากนัก เพราะยังไงๆคุณก็ยังเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทว่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน

ทุกวันนี้คุณกล้าพูดได้เต็มปากหรือเปล่าว่าหุ้นของบริษัทที่คุณถืออยู่นั้น ถึงแม้ว่าไม่มีตลาดหุ้นคุณก็ยังจะลงทุนกะบริษัทนั้นๆอยู่ดี ตอนกลางคืนคุณหลับสบายไม่กังวลกับเงินที่ซื้อหุ้นนั้นๆ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร ใช่หรือไม่? ถ้าไม่ใช่ ทยอยขายหุ้นตัวนั้น แต่ถ้าใช่ ราคามันลงเมื่อไรให้ทยอยซื้อเพิ่ม

ตัวอย่างหุ้นที่ผ่านหลักสามข้อที่กล่าวไป คือ HANA กับ PTTEP
นอกจากผ่านเกณฑ์ทั้งสามข้อแล้ว สองบริษัทนี้แทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการเมืองเลย (HANAได้รับผลเล็กน้อย เนื่องจากเที่ยวบินที่ลดลง) โดยเฉพาะPTTEPซึ่งผลประกอบการไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น

ถ้าอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นสองตัวนี้เพิ่มเติม ส่งอีเมลล์มาที่ settalk@live.com หรือคอมเม้นทิ้งไว้ด้านล่างได้เลยครับ

SET index: 754.58
HANA: 23.20
PTTEP: 147
สิ่งที่คาดเดา: ราคาหุ้นของบริษัทที่พื้นฐานดีๆหลายตัวยังมีช่องว่างให้ขึ้นได้อีกเยอะ

Posted in:
Twitter