หุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีตลาดของสหรัฐอเมริกาในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา นั้นขึ้นลงแรงมาก (ถึงแม้ส่วนใหญ่จะลงก็ตาม) นักเขียนข่าวและบทวิเคราะห์ของซีเอ็นบีซีคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "นี้เป็นช่วงที่ตลาดที่แกว่งรุนแรงมากที่สุด ตั้งแต่ผมเห็นมาในรอบ25ปี"
จากเหตุการณ์นี้ เราก็คงไม่แปลกใจสักเท่าไร ที่เห็นดัชนีตลาดบ้านเราพลอยลงไปกับเขาด้วย ถึงแม้ตอนนี้ SET Indexจะเริ่มฟื้นขึ้นมาบ้างแล้ว หุ้นดีๆบางตัวกลับยังไม่กระเตื้องขึ้นมาเท่าไร และหนึ่งในหุ้นประเภทดังกล่าวก็คือ หุ้นของ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (IHL)
ธุรกิจหลักของบริษัท
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายหนังสำหรับเบาะรถยนต์ โดยใช้โค หรือกระบือในการผลิตหนังผืนสำเร็จรูป โดยผ่านกรรมวิธีฟอกย้อม และนำมาตัด และ/หรือเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการอย่างครบวงจรของบริษัทฯ เป็นการดำเนินงานตามคำสั่งของลูกค้า*
*ข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัท http://www.interhides.com/ir_index.php
ในปี2010 รายได้52%มาจากหนังผืนที่ตัดเป็นชิ้น รายได้อีก37%มาจากหนังผืนที่ตัดและเย็บขึ้นรูป(เบาะที่นั่งรถยนต์พร้อมสำหรับการประกอบ) รายได้ที่เหลือมาจาก หนังหุ้มเกียร์ พวงมาลัย หนังผืนสำเร็จรูป และสินค้า บริการอื่นๆ
มีลูกค้าทางตรงเป็น ผู้ผลิตเบาะหนังและชื้นส่วนสำหรับรถยนต์ ส่วนลูกค้าโดยอ้อม คือ ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ คือ โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ ฟอร์ด มาสด้า เชฟโรเล็ต และฮุนได โดยรายได้นั้นมาจากโตโยต้ามากที่สุด
ข้อดี
1.กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตเบาหนังประมาณ 25-30ล้านฟุตต่อปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยับขยายโรงงานเพิ่ม ซึ่งจากโรงงานแห่งใหม่นี้ จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 50-60ล้านฟุตต่อปี
โรงงานใหม่ดังกล่าวถูกก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า60% ซึ่งคาดว่าจะพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสสองของปี2012 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อใหม่ๆ โดยเฉพาะจากค่ายรถยุโรปค่ายหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งถือเป็นลูกค้าใหม่ เพราะบริษัท อินเตอร์ไฮด์ พึ่งได้รับการอนุญาตให้ขายในยุโรปได้เมื่อประมาณปลายปีทีแล้ว หลังจากผ่านการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
2. การกระจายฐานลูกค้าไปยังธุรกิจกลุ่มอื่นๆ
ทางบริษัทคงจะเล็งเห็นว่า อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นมีการแกว่งตัวของรายได้สูงมาก ทำให้รายได้ของ อินเตอร์ไฮด์ไม่มั่นคง ล่าสุด บริษัทจึงขยายตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมหนังสำหรับรองเท้า จับมือกับWolverine Worldwide ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าจากอเมริกากว่า15ยี่ห้อ เช่น Hush Puppies, Harley-Davidson Footwear และ Cushe สิ่งนี้ทำให้SETTALKเชื่อว่า ในระยะยาวรายได้ของIHLจะมีความั่นคงมากขึ้น
ปัจจัยความเสี่ยง
1. เศรษฐกิจ
อุตสาหกรรมนั้นมีอัตราการเติบโตและหดตัวตาม วงจรเศรษฐกิจ ถ้าGDPโต อุตสาหกรรมจะโตเร็วกว่าGDPมาก ถ้าGDPลด หรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ คนจะชลอการซื้อสินค้าที่ใช้ยั่งยืน เช่น บ้านและรถยนต์ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ตกงาน กลัวตกงาน ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความมั่นคงของรายได้ในอนาคต เพราะฉะนั้น อุตสาหกรรมรถยนต์จะหดตัวรุนแรงมาก (ไม่เชื่อลองไปดูงบของบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อสองปีที่แล้ว) บางบริษัทอาจขาดทุนไปเลยก็ได้
ในปี2007 บริษัทIHL ขาดทุนไปประมาณ40ล้านบาท
2. โครงสร้างรายได้
ขั้นตอนที่จะได้มาของธุรกิจคือการประกวดราคาแข่งขันกับคู่แข่ง โดยบริษัทจะเสนอราคาให้โดยตรงไปยังบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สำหรับรถยนต์เป็นรุ่นๆไป โดยจะไม่มีการทำสัญญาว่าจ้างให้ผู้ส่งมอบเพียงรายเดี่ยว เนื่องจากเป็นนโยบายของผู้หลิตรถยนต์ที่ต้องการได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ในแต่ละรุ่น และไม่ต้องการผูกขาดจากการซื้อจากผู้ส่งมอบเพียงรายเดียวสำหรับรถยนต์ทุกรุ่น อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทได้รับหนังสือแต่งตั้งให้เป็นผู้ส่งมอบรถยนต์ รุ่นใดรุ่นหนึ่งแล้ว ทางผู้ผลิตรถยนต์จะออกจดหมายยืนยันการสั่งซื้อและอนุมัติให้บริษัทส่งมอบสินค้าให้สำหรับรถยนต์รุ่นนั้นๆตลอดช่วงเวลาการผลิตรถยนต์ ซึ่งโดยปกติจะอยู่ในช่วง4-8ปี**
**ข้อมูลจากแบบฟอร์ม56-1 ในหัวข้อ"ปัจจัยความเสี่ยง"
ซึ่งหมายความว่า เมื่อใดที่สัญญาหมดอายุ ทางบริษัทก็ต้องไปประมูลแข่งกับบริษัทอื่นเพื่อแย่งรุ่นรถมาผลิตเบาะให้กันใหม่ การต้องประมูลเพื่อให้ได้ลูกค้าแบบนี้ อาจทำให้รายได้และกำไรของบริษัทนั้นไม่มั่นคงเท่าที่ควร เพราะการแข่งขันในด้านต้นทุนอาจจะรุนแรงขึ้น ในอนาคต
ทำไมSETTALKจึงแนะนำ?
การขยายตัวของกำลังการผลิตเพื่อรองรับยอดสั่งที่น่าจะเพิ่มขึ้น คือ ปัจจัยหลักที่ทำให้เราแนะนำหุ้นตัวนี้ ประกอบกับความคิดที่ว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และจะส่งผลอุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตได้ต่อเนื่อง การขยายฐานลูกค้าไปยังยุโรป และการกระจายความเสี่ยงไปยังลูกค้ากลุ่มรองเท้านั้นถือเป็นเหตุผลรองลงมา
นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายหุ้นของคนวงในมายืนยัน เหมือนเป็นการส่งสัญญานว่าอนาคตบริษัทจะดี ตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปีนี้ บุตรของคุณคุณองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ (คุณองอาจเป็นผู้บริหารและเจ้าของบริษัท) ได้ออกมาซื้อIHLรวมทั้งสิ้นสี่ครั้ง ตั้งแต่ราคา7.55จนถึง8.15 รวมเป็นมูลค่าประมาณ 7.5ล้านบาท
เมื่อวันที่7กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาIHLขึ้นไปถึง8.8บาท หลังจากตลาดปรับตัว IHLก็ปรับตัวลงตามตลาด แต่ยังไม่ได้ฟื้นตัวตามตลาดมากนัก ปัจจุบันราคาอยู่ที่8บาท ต่ำกว่าราคาสูงสุดของเดือนที่แล้วอยู่ประมาณ10% และอยู่ในช่วงราคาที่ลูกเจ้าของเข้าไปรับซื้อ เราจึงแนะนำ"ซื้อ"ครับ
--------------------------------------------------------------------------------------
เปิดเผยข้อมูล: ผู้เขียนถือหุ้นIHLอยู่จำนวนหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน