เนื่องจากหุ้นในตลาดมีเยอะแยะเป็นหลายร้อยตัว ให้ไปนั่งไล่หาบริษัทดีๆทีละตัวก็คงไม่ไหว วันนี้ทางSETTALKจึงข้อนำเสนอ เกณฑ์การสแกนหุ้น เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการตัดสินใจว่า หุ้นตัวไหนน่าศึกษาต่อ เพื่อที่นักลงทุนจะได้ไม่ต้องเสียเวลากับ"หุ้นอันไม่พึงประสงค์"
ข้อย้ำว่า นี้คือจุดเริ่มต้นของการคัดเลือกหุ้นเท่านั้น ไม่ใช่จุดสุดท้ายก่อนการตัดสินใจซื้อขาย
ในบทความนี้ ผู้เขียนได้เอาแนวความคิดของคนสองคนมานำเสนอ ถึงแม้จะเป็นข้อความถูกเขียนในหนังสือสองเล่ม ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทางเราเชื่อว่า นักลงทุนสามารถนำแนวความคิดของทั้งสองคนนี้มาใช้ร่วมกัน ได้อย่างลงตัวครับ
5 นาทีแรก
ในช่วงห้านาทีแรก ตั้งคำถามกับตัวเองเกี่ยวกับบริษัทนั้นว่า
1.) บริษัทมีตลาดรองรับสินค้าที่มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะสามารถพลักดันให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นและต่อเนื่องใน2-5ปีที่จะถึงหรือไม่?
นักลงทุนระยะยาวไม่สนใจยอดขาย หรือกำไรที่ก้าวกระโดดในระยะสั้นๆ เพราะนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน มองไปข้างหน้าอย่างน้อยสองปี แล้วถามตัวเองว่ายอดขายโตได้มากน้อยแค่ไหน
เกณฑ์ที่แนะนำ: นักลงทุนควรมองหาบริษัทที่คาดว่ายอดขายจะโตเป็นสามเท่าของGDPเป็นอย่างน้อย สมมุติว่า สามปีข้างหน้าGDPจะโตเฉลี่ยประมาณ4% บริษัทที่นักลงทุนควรมองหา ควรเป็นบริษัทที่ยอดขายจะโตเฉลี่ยอย่างน้อย12%ในช่วงเวลาเดียวกัน
*ในการคาดเดาหรือทำนายยอดขายเบื้องต้น นักลงทุนจะต้องมีความเข้าใจธุรกิจพอสมควร
2.) ผู้ค้ารายใหม่สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด และชิงตำแหน่งผู้นำจากผู้ค้ารายเดิมได้ง่ายแค่ไหน?
ถ้าบริษัทคู่แข่งขันรายใหม่ๆ สามารถตั้งตัวขึ้นมาแข่งขันได้ง่ายๆ มูลค่าการลงทุนในบริษัทที่เรากำลังจะศึกษานั้นก็แทบจะไม่เหลือเลย ไม่ว่าเราจะคาดไว้ว่าธุรกิจจะเติบโตแค่ไหนก็ตาม เพราะมันมีความเสี่ยงสูงว่า บริษัทหน้าใหม่จะแย่งยอดขายนั้นไปได้ ไม่ช้าก็เร็ว
เพราะฉะนั้น นักลงทุนควรมองหาบริษัทที่มีหนึ่งใน5จุดแข็ง(competitive advantages) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันผู้ค้ารายใหม่ๆไม่ให้เข้ามาแข่งขันกับบริษัทเราได้ง่ายๆ
เกณฑ์ที่แนะนำ: อ่าน 5จุดแข็งของบริษัทที่น่าลงทุน
10 นาทีที่เหลือ
1. อย่าลงทุนในบริษัทที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎของ กลต.ได้ เช่นบริษัทที่ไม่สามารถแก้ไขผลการดำเนินงานให้ถูกต้อง ภายในเวลาที่กลต.กำหนด และหลีกเลี่ยงบริษัทที่พึ่งเข้าเทรดในตลาดหุ้นเป็นครั้งแรก เพราะเรายังไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาเพื่อตัดสินใจซื้อ
2. เลือกศึกษาเฉพาะบริษัทที่มีกำไรในช่วง3-5ปีที่ผ่านมา ยิ่งมีกำไรมานานๆยิ่งดี
3. เลือกศึกษาเฉพาะบริษัทที่ผลกำไรต่อสินทรัพย์(ROA) เฉลี่ยแล้วมากกว่า10% และผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE)มากกว่า12% (สำหรับสถาบันการเงิน เลือกเฉพาะหุ้นที่มีROAมากกว่า2%) ในช่วง5ปีที่ผ่านมา
4. เลือกศึกษาเฉพาะบริษัทที่กำไรมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ไม่แกว่งมากเกินไป
5. เลือกศึกษาเฉพาะหุ้นที่มีหนี้ไม่เยอะจนเกินไป
เกณฑ์ที่แนะนำ: จำนวนหนี้ไม่ควรเกิน50%ของสินทรัพย์ทั้งหมด (ใช้ได้เฉพาะบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน)
6. หลีกเลี่ยงบริษัทที่จำนวนหุ้นสามัญมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในอดีต การเพิ่มขึ้นของจำนวนหุ้นจะทำให้ผลประโยชน์ที่ผู้ที่หุ้นควรจะได้รับจากกำไรที่เติบโตในแต่ละปีลดลง
SETTALK ขอเพิ่มเติม: เลือกศึกษาเฉพาะหุ้นที่มีP/Eไม่เกิน20เท่านั้น
สองคำถามแรกถูกนำมา และดัดแปลงมาจากข้อความในหนังสือ Common Stock and Uncommon Profits โดย Phillip A. Fisher ในบทที่10 How I Go about Finding a Growth หน้า165