"อาหารใครๆ ก็ต้องกิน ยังไงๆก็ต้องมีคนกินไก่ ยิ่งเป็นแบรนด์ดังอย่างไก่CPยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ซื้อไปเถอะ CPF น่ะ ไม่ต้องกลัว"
"แก้วน้ำยังไงต้องมีคนซื้อ เพราะคนเราต้องดื่มกิน ยิ่งแบรนด์ดังอย่างโอเชี่ยน กลาส ยิ่งขายดี เพราะฉะนั้น ซื้อเลย หุ้นOCG"
การใช้เหตุผลเพียงเท่านี้ในการซื้อหุ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมากทีเดียว เพราะ
1.) ถึงแม้อุตสาหกรรมนั้นๆจะเติบโต กำไรของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นอาจไม่ได้ดีขึ้นเลย เนื่องจากมีการแข่งขันสูงมากจน คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้บริโภค แต่ผู้ผลิตเสียหายหนักเพราะแข่งกันตัดราคา ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมผลิตคอมพิวเตอร์ และอุตสาหกรรมผลิตทีวี
2.) ถึงแม้ธุรกิจดี บริษัทมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวสะท้อนปัจจัยดังกล่าว หรือปรับตัวสูงขึ้นจนแพงกว่าพื้นฐานของธุรกิจไปเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เมื่อท่านเจอบริษัทที่ดีจริง ท่านควรถามตัวเองเสมอว่า "ราคามันแพงไปหรือยัง?" มิฉะนั้น ท่านอาจมีชตากรรมเหมือนนักลงทุนที่ซื้อหุ้น IPO ของ facebook
FACEBOOK ใครๆก็เล่น
รายได้หลักของ facebook คือ การรับเงินค่าโฆษณาจากบริษัทหรือบุคคลที่ต้องการโฆษณาในเว็บไซต์ของเขา ซึ่งโดยมากจะปรากฏที่ด้านขวาของเว็บไซต์
นอกจากนี้ facebook ยังมีรายได้จาก ผู้ผลิตแอพและเกมส์ทั้งหลายที่มีไว้ให้เล่นในเว็บ เช่น ค่าย Zynga ที่ผลิตเกมส์อย่าง FarnVille และ CityVille และค่ายEA Games ที่ผลิตเกมส์ Sims Social
ยิ่งมีคนใช้facebookมากขึ้น ก็ยิ่งมีคนเห็นโฆษณาในเว็บมากขึ้น เมื่อมีคนเยี่ยมชมมาก บริษัทต่างๆก็ยิ่งอยากมาโฆษณาในfacebookมากขึ้น รายได้ของfacebookจึงเพิ่มขึ้นทั้งจากจำนวนโฆษณาและอัตราค่าโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น และนั่นก็คือสาเหตุที่เจ้าของเว็บอย่าง Mark Zuckerberg ถึงรวยเอาๆ
เมื่อบริษัท Facebook Inc. เข้าซื้อขายในตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่อยากมีส่วนร่วมในการเติบโตของธุรกิจนี้ก็ได้เข้าไปลงทุน โดยอาจคิดไปว่า "facebook ใครๆก็ใช้ รายได้จากค่าโฆษณามันต้องดีอยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ถ้านักลงทุนไตร่ตรองให้ดี แล้วจะพบว่า Facebook Inc เป็นหุ้นที่หน้ากลัว ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 5 อย่างด้วยกัน
1. เสี่ยงสูง
อย่าเพิ่งถามว่า หุ้นfacebookแพงไปมั้ย ถามก่อนว่าธุรกิจของเขาดีและมั่นคงจริงมั้ยก่อนเสียดีกว่า เพราะfacebookเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงเยอะเสียเหลือเกิน โดยความเสี่ยงหลัก คือ ธุรกิจSocial Networkและธุรกิจเว็บไซต์มักจะเป็นธุรกิจที่มีวงจรชีวิตสั้น สังเกตได้จาก My Space และ Hi5 ซึ่งเป็น Social Network สองค่ายที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุด และSearch Engineอย่างYahoo ที่โดน Google แย่งตลาดไปอย่างไม่รู้ตัว นอกจากนี้ Facebook Inc. เป็นหุ้นที่มีเอกสาร "ปัจจัยความเสี่ยง" ยาวถึง 23 หน้า จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน เอกสารฉบับนี้มักจะมีความยาวแค่ประมาณ 5-15 หน้าเท่านั้น นี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า Facebook Inc. มีความเสี่ยงเยอะ
2. รายได้จาก Zynga
15% ของรายได้ของ Facebook Inc. นั้นมาจากบริษัท Zynga และค่าโฆษณาจากโฆษณาที่อยู่ในแอพของZynga ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใหญ่พอสมควร ธุรกิจเกมใน facebook นั้นเป็นธุรกิจที่ไม่ง่าย เพราะเกมในfacebookส่วนใหญ่จะมีอายุสั้น คือ น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งหมายความว่าบริษัท Zynga ต้องคอยคิดเกมใหม่ๆให้ฮิตติดตลาดอยู่เรื่อยๆ ถ้าคิดเกมใหม่ให้ฮิตไม่ได้ Zynga และ Facebook Inc อาจจะต้องเจ็บตัวทั้งคู่
3. Mark Zuckerberg ถือหุ้นอยู่ 57.3% หลังจาก IPO
ถือว่าเป็นความเสี่ยงหรือไม่ ลองดูจากหนังสือชี้ชวนกันเอาเองครับ
"As a board member and officer, Mr. Zuckerberg owes a fiduciary duty to our stockholders and must act in good faith in a manner he reasonably believes to be in the best interests of our stockholders. As a stockholder, even a controlling stockholder, Mr. Zuckerberg is entitled to vote his shares, and shares over which he has voting control as a result of voting agreements, in his own interests, which may not always be in the interests of our stockholders generally."
4. เริ่มซื้อขายที่ P/E = 100
Facebook Inc เริ่มเทรดที่ 38 ดอลล่าร์ต่อหุ้น หรือเทียบเท่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ 1 แสนล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับกำไรปี 2011 ประมาณ 1 พันล้านดอลล่าร์ เราจะได้ Price-to-Earning Ratio เกือบหนึ่งร้อยเท่า โดยส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าจะลงทุนในหุ้นที่P/Eสูงขนาดนี้ เอาเงินไปแทงหวยยังจะมีลุ้นมากกว่าเลยครับ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา Facebook Inc ลงไปเทรดต่ำสุดที่ 25.52 ดอลล่าร์ต่อหุ้น นักลงทุนIPOที่ขายไปในวันนั้นจะขายทุนประมาณ 33% ภายในไม่กี่สัปดาห์ ปัจจุบัน ราคาหุ้นฟื้นขึ้นมาที่ 31.73 ซึ่งยังต่ำกว่าราคาIPOอยู่ประมาณ 16% มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนหนึ่งที่ขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ กำลังฟ้องร้องสู้คดีอยู่กับ Facebook Inc. โดยกล่าวหาว่าบริษัทเปิดเผยข้อมูลต่อนักลงทุนรายย่อยไม่ครบถ้วน จนทำให้พวกเขาขาดทุน
ถ้าท่านผู้อ่านซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงทางธุรกิจสูง ที่ระดับP/Eประมาณ100เท่าแล้วดันขาดทุน ท่านอย่าเสียเวลาไปโทษคนอื่นเลยครับ...