การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

08 กรกฎาคม 2555

บทเรียนสำหรับนักลงทุน: FACEBOOK IPO


เหตุผลการซื้อหุ้นที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ คือ ซื้อหุ้นมันไปเถอะ ไม่ต้องกลัว สินค้าที่บริษัทนี้ขาย ใครๆก็ต้องใช้ เช่น


"อาหารใครๆ ก็ต้องกิน ยังไงๆก็ต้องมีคนกินไก่ ยิ่งเป็นแบรนด์ดังอย่างไก่CPยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ซื้อไปเถอะ CPF น่ะ ไม่ต้องกลัว"

"แก้วน้ำยังไงต้องมีคนซื้อ เพราะคนเราต้องดื่มกิน ยิ่งแบรนด์ดังอย่างโอเชี่ยน กลาส ยิ่งขายดี เพราะฉะนั้น ซื้อเลย หุ้นOCG"

การใช้เหตุผลเพียงเท่านี้ในการซื้อหุ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมากทีเดียว เพราะ
1.) ถึงแม้อุตสาหกรรมนั้นๆจะเติบโต กำไรของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นอาจไม่ได้ดีขึ้นเลย เนื่องจากมีการแข่งขันสูงมากจน คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้บริโภค แต่ผู้ผลิตเสียหายหนักเพราะแข่งกันตัดราคา ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมผลิตคอมพิวเตอร์ และอุตสาหกรรมผลิตทีวี
2.) ถึงแม้ธุรกิจดี บริษัทมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวสะท้อนปัจจัยดังกล่าว หรือปรับตัวสูงขึ้นจนแพงกว่าพื้นฐานของธุรกิจไปเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เมื่อท่านเจอบริษัทที่ดีจริง ท่านควรถามตัวเองเสมอว่า "ราคามันแพงไปหรือยัง?" มิฉะนั้น ท่านอาจมีชตากรรมเหมือนนักลงทุนที่ซื้อหุ้น IPO ของ facebook


FACEBOOK ใครๆก็เล่น

รายได้หลักของ facebook คือ การรับเงินค่าโฆษณาจากบริษัทหรือบุคคลที่ต้องการโฆษณาในเว็บไซต์ของเขา ซึ่งโดยมากจะปรากฏที่ด้านขวาของเว็บไซต์

นอกจากนี้ facebook ยังมีรายได้จาก ผู้ผลิตแอพและเกมส์ทั้งหลายที่มีไว้ให้เล่นในเว็บ เช่น ค่าย Zynga ที่ผลิตเกมส์อย่าง FarnVille และ CityVille และค่ายEA Games ที่ผลิตเกมส์ Sims Social

ยิ่งมีคนใช้facebookมากขึ้น ก็ยิ่งมีคนเห็นโฆษณาในเว็บมากขึ้น เมื่อมีคนเยี่ยมชมมาก บริษัทต่างๆก็ยิ่งอยากมาโฆษณาในfacebookมากขึ้น รายได้ของfacebookจึงเพิ่มขึ้นทั้งจากจำนวนโฆษณาและอัตราค่าโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น และนั่นก็คือสาเหตุที่เจ้าของเว็บอย่าง Mark Zuckerberg ถึงรวยเอาๆ

เมื่อบริษัท Facebook Inc. เข้าซื้อขายในตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่อยากมีส่วนร่วมในการเติบโตของธุรกิจนี้ก็ได้เข้าไปลงทุน โดยอาจคิดไปว่า "facebook ใครๆก็ใช้ รายได้จากค่าโฆษณามันต้องดีอยู่แล้ว"

อย่างไรก็ตาม ถ้านักลงทุนไตร่ตรองให้ดี แล้วจะพบว่า Facebook Inc เป็นหุ้นที่หน้ากลัว ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 5 อย่างด้วยกัน


1. เสี่ยงสูง

อย่าเพิ่งถามว่า หุ้นfacebookแพงไปมั้ย ถามก่อนว่าธุรกิจของเขาดีและมั่นคงจริงมั้ยก่อนเสียดีกว่า เพราะfacebookเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงเยอะเสียเหลือเกิน โดยความเสี่ยงหลัก คือ ธุรกิจSocial Networkและธุรกิจเว็บไซต์มักจะเป็นธุรกิจที่มีวงจรชีวิตสั้น สังเกตได้จาก My Space และ Hi5 ซึ่งเป็น Social Network สองค่ายที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุด และSearch Engineอย่างYahoo ที่โดน Google แย่งตลาดไปอย่างไม่รู้ตัว นอกจากนี้ Facebook Inc. เป็นหุ้นที่มีเอกสาร "ปัจจัยความเสี่ยง" ยาวถึง 23 หน้า จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน เอกสารฉบับนี้มักจะมีความยาวแค่ประมาณ 5-15 หน้าเท่านั้น นี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า Facebook Inc. มีความเสี่ยงเยอะ

2. รายได้จาก Zynga

15% ของรายได้ของ Facebook Inc. นั้นมาจากบริษัท Zynga และค่าโฆษณาจากโฆษณาที่อยู่ในแอพของZynga ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใหญ่พอสมควร ธุรกิจเกมใน facebook นั้นเป็นธุรกิจที่ไม่ง่าย เพราะเกมในfacebookส่วนใหญ่จะมีอายุสั้น คือ น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งหมายความว่าบริษัท Zynga ต้องคอยคิดเกมใหม่ๆให้ฮิตติดตลาดอยู่เรื่อยๆ ถ้าคิดเกมใหม่ให้ฮิตไม่ได้ Zynga และ Facebook Inc อาจจะต้องเจ็บตัวทั้งคู่

3. Mark Zuckerberg ถือหุ้นอยู่ 57.3% หลังจาก IPO

ถือว่าเป็นความเสี่ยงหรือไม่ ลองดูจากหนังสือชี้ชวนกันเอาเองครับ

"As a board member and officer, Mr. Zuckerberg owes a fiduciary duty to our stockholders and must act in good faith in a manner he reasonably believes to be in the best interests of our stockholders. As a stockholder, even a controlling stockholder, Mr. Zuckerberg is entitled to vote his shares, and shares over which he has voting control as a result of voting agreements, in his own interests, which may not always be in the interests of our stockholders generally."

4. เริ่มซื้อขายที่ P/E = 100

Facebook Inc เริ่มเทรดที่ 38 ดอลล่าร์ต่อหุ้น หรือเทียบเท่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ 1 แสนล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับกำไรปี 2011 ประมาณ 1 พันล้านดอลล่าร์ เราจะได้ Price-to-Earning Ratio เกือบหนึ่งร้อยเท่า โดยส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าจะลงทุนในหุ้นที่P/Eสูงขนาดนี้ เอาเงินไปแทงหวยยังจะมีลุ้นมากกว่าเลยครับ


เมื่อเดือนที่ผ่านมา Facebook Inc ลงไปเทรดต่ำสุดที่ 25.52 ดอลล่าร์ต่อหุ้น นักลงทุนIPOที่ขายไปในวันนั้นจะขายทุนประมาณ 33% ภายในไม่กี่สัปดาห์ ปัจจุบัน ราคาหุ้นฟื้นขึ้นมาที่ 31.73 ซึ่งยังต่ำกว่าราคาIPOอยู่ประมาณ 16% มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนหนึ่งที่ขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ กำลังฟ้องร้องสู้คดีอยู่กับ Facebook Inc. โดยกล่าวหาว่าบริษัทเปิดเผยข้อมูลต่อนักลงทุนรายย่อยไม่ครบถ้วน จนทำให้พวกเขาขาดทุน

ถ้าท่านผู้อ่านซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงทางธุรกิจสูง ที่ระดับP/Eประมาณ100เท่าแล้วดันขาดทุน ท่านอย่าเสียเวลาไปโทษคนอื่นเลยครับ... 


Posted in:
Twitter