การลงทุนหุ้น และเศรษฐกิจ อัพเดทรายสัปดาห์

02 มิถุนายน 2553

ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม; หนี้สาธารณะในสหรัฐอเมริกา


เมื่อประมาณเดือนมกราคมของปี2553 ผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศเขตยูโรเป็นครั้งแรก ตอนนั้นสื่อส่วนใหญ่จะเน้นว่าปัญหานั้นอยู่ในประเทศกรีก ซึ่งอาจะแพร่กระจายเป็นลูกโซ่ไปทั่วยุโรป และทั่วโลก

นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญ และสื่อในสหรัฐอเมริกาพากันตระหนกตกใจ เหมือนกลับกลัวว่าวิกฤตที่ยุโรปจะลามมากระทบประเทศของตนจนทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหยุดชงัก ผลคือดัชนีดาวโจนส์ตกฮวบฮาบภายในเวลาอันสั้น

สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในความคิดของผมก็คือ ทำไมอเมริกาต้องกังวลเกี่ยวกับยุโรปขนาดนั้น ทั้งๆที่ตัวเองก็อยู่ในสภาพแย่ไม่ต่างจากเขาเท่าไรหนัก เปรียบเสมือน ทหารสองนายที่กำลังออกรบด้วยกันในสงครามวิกฤตเศรษฐกิจ แต่แล้วนายทหารUSเผอิญหันไปเห็น นายทหารEUจึงกล่าวด้วยอาการตื่นตระหนกว่า "เห้ย นายขาขาดแล้วนะเว้ย จะไหวมั้ยเนี่ย" หารู้ไม่ว่าตัวเองก็บาดเจ็บสาหัสไม่แพ้กัน

ล่าสุดรัฐบาลใน3เมืองของอเมริกาคือ 1.เขตเจฟเฟอร์สัน รัฐอัลบามา 2.เมืองแฮริสเบอร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย 3.เมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน มีท่าทีว่าจะจ่ายหนี้สาธารณะคืนไม่ได้ (คลิกเพื่ออ่านได้ที่ Three American Cities on the Brink of Broke)

เมืองเหล่านี้กู้ผ่านทางการประกาศขายหุ้นกู้เทศบาล(คือ ช่องทางที่รัฐบาลของแต่ละรัฐในสหรัฐอเมริกากู้จากประชาชน) หรือ Municipal Bond ซึ่งเงินที่ได้จะถูกนำไปใช้จ่ายในโครงการสาธารณะต่างๆเช่น การสร้างถนน ตึก และสิ่งก่อสร้างต่างๆของรัฐ

จากข้อมูลในอดีต Municipal Bond เป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่ง และนั้นเป็นสาเหตุที่ร้อยละ80ของผู้ที่หุ้นชนิดนี้ คือ ประชาชนทั่วไป และกองทุนรวมต่างๆ

สถาบันเครดิตเรตติ้งMoodyกล่าวว่า จากข้อมูลในอดีต โดยเฉลี่ยแล้วอัตราการผิดสัญญาจ่ายหนี้ของหุ้นกู้เทศบาลในสหรัฐอเมริกาที่มีเกรดBBB-ขึ้นไป(Investment-grade Municipal Bonds)นั้นมีน้อยกว่า0.5เปอร์เซ็น ซึ่งหมายความว่าถ้ามีการกู้ยืมร้อยครั้ง หุ้นกู้เทศบาลเคยผิดสัญญาการจ่ายหนี้ไม่ถึงครึ่งครั้ง

อย่างไรก็ตาม อัตราการผิดสัญญาจ่ายหนี้ของหุ้นกู้เทศบาลกำลังสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปีที่แล้ว ผู้กู้ยืมจำนวน183ราย ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้เป็นจำนวนรวมกันถึงหกพันสี่ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ($6,400,000,000) หรือ ประมาณสองแสนล้านบาท (฿204,800,000,000) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง31ราย ที่ไม่จ่ายหนี้คืนเป็นจำนวน348ล้านเหรียญสหรัฐ สรุปคือ จากปี2551มาถึงปี2552 จำนวนหนี้ที่ไม่ได้จ่ายคืนเพิ่มขึ้นถึง1739%

อัตราการว่างงานที่ยังสูงเกือบ10เปอร์เซ็นต์ หนี้มากมายของครัวเรือนซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายอ่อนตัว และเงินบำนาญสวัสดิการอันมหาศาลที่รัฐต้องจ่ายให้ประชาชน ประกอบกับการตัดสินใจชุ่ยๆของเจ้าหน้าที่รัฐ คือสาเหตที่เมืองที่กล่าวมามีโอกาสสูงที่จะจ่ายหนี้คืนไม่ได้และคือสาเหตุที่เมืองอื่นๆทั่วอเมริกามีปัญหาด้านงบประมาณ และการใช้จ่าย

แน่นอนถ้าปัญหานี้ลามไปหลายๆรัฐทั่วประเทศ มันจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ถึงแม้จะมีสัญญาณหลายๆอย่างที่บ่งชี้ว่า สหรัฐอเมริกากำลังมีปัญหาอันใหญ่หลวงด้านหนี้สาธารณะ ปัญหานี้กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร อะไรคือสาเหตุที่นักลงทุนและสื่อกำลังมองข้ามปัญหานี้ไป เรามาดูกันครับ

สาเหตุที่หนึ่ง ปัญหาหนี้สาธารณะในยูโรโซน
อันนี้เห็นกันอยู่ชัดๆครับ ทั่วโลกต่างหวาดกลัวกับวิกฤตของประเทศกลุ่มPIIGS ทางสหรัฐอเมริกาเองก็คอยตอกย้ำถึงปัญหาในยุโรปเช่นเดียวกัน

สาเหตุที่สอง GDPของอเมริกามีขนาดใหญ่กว่าGDPของประเทศกรีซอยู่มาก
GDPของอเมริกามีขนาด14ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่GDPของกรีซมีขนาดเพียง2แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นกว่าๆของGDPของอเมริกา กฏของตลาดการเงินทั่วโลกมีอยู่ว่าปลาเล็กมักจะตายก่อนปลาใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนมักจะมีความเชื่อมั่นในประเทศใหญ่ๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจมานานหลายทศวรรษ

สาเหตุที่สาม ดอลล่าร์สหรัฐคือ สัดส่วนอันมหาศาลของเงินทุนสำรองของประเทศต่างๆทั่วโลก
ถ้ามีการตื่นตระหนกตกใจเกี่ยวกับปัญหาในอเมริกา ค่าเงินดอลล่าร์จะอ่อนตัว ส่งผลให้นักลงทุน และประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นซึ่งมีเงินสำรองในรูปของดอลล่าร์มากที่สุดในโลก ต่างก็เสียผลประโยชน์ เพราะค่าเงินที่ตนถืออยู๋มีมูลค่าน้อยลง ณ ตอนนี้ ประเทศส่วนใหญ่จึงอยากให้มีการตื่นตระหนกใจเกี่ยวกับอเมริกาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


เรื่องยุโรป การเมืองไทย และท้ายที่สุดอเมริกา ทำให้การเล่นหุ้นตอนนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ทางSETTALKจึงแนะนำให้ทยอยขายหุ้น และถ้าอยากจะเล่นหุ้นตอนนี้จริงๆ ก็อย่าถือยาวนัก เพราะปัญหาสามเรื่องนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาสามลูกที่รอวันระเบิด ทีโชคร้ายก็คือ แต่ละลูกไม่มีหน้าปัดบอกเวลาว่าจะระเบิดเมื่อไร

Posted in:
Twitter