ผู้เขียนบทความไม่มีความเกี่ยงข้องกับ SPALI : บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
ในปีทีื่แล้ว เซ็คเตอร์อสังหาเป็นเซ็คเตอร์ทีมาแรงมาก สังเกตุได้จากผลงานซึ่งกลายเป็นหนึงในปีที่ดีที่สุดของหลายๆบริษัท ศุภาลัยของเราก็เช่นกัน นักวิเคราะห์มั่นใจว่าเป็นผู้นำของเซ็คเตอร์นี้ในด้านการเติบโตของกำไร ซึ่งคาดว่ากำไรในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้วได้ขึ้นมาจากปีก่อนหน้าถึง157% พูดสั้นๆคือ ตั้งแต่ตั้งบริษัทมา ปี2008เป็นปีที่ดีที่สุดของศุภาลัย
ปีที่แล้ว ราคาหุ้นต้นปีแค่สามบาทกว่าๆ มาจบที่ปลายปีประมาณหกบาท(ราคาวันศุกร์=6.10) ขึ้นมาตั้ง100%
คำถามตอนนี้คือแล้วมันจะขึ้นต่อได้มั้ย? ไปดู
กำไร ขาดทุน และราคาหุ้น
ถ้าผลประกอบการบอกราคาหุ้นได้ ศุภาลัยก็คงกำลังจะขึ้นต่อ เหตุผลคือ ถึงเเม้ราคามันจะขึ้นมาเยอะแล้วก็ตาม เเต่ถ้าเราเปรียบเทียบกับหุ้นของบริษัทที่ขาดทุนบางตัว ศุภาลัยนำหน้าอยู่ไม่มากนัก ตัวอย่างเช่น THAI ขาดทุนยับแต่ถ้าดูราคาจากต้นปีที่แล้วราคาจากประมาณ10บาท มาถึงเมื่อวันศุกร์ราคาปิด19.10 พุ่งขึ้นมา90% ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น กำลังเกิดอะไรขึ้นกับSET บริษัทหนึ่งเป็นผู้นำตลาด อีกบริษัทรัฐต้องคอยอุ้ม ราคาหุ้นขึ้นกลับขึ้นใกล้เคียงกัน
การซื้อขายของผู้ที่หุ้นรายใหญ่
ขอคุยแทนเจ้าของศุภาลัยไว้ก่อนเลยว่า ตั้งแตเจ้าของเขาซื้อขายหุ้นบริษัทตัวเองในSETมา เขายังไม่เคยขาดทุน! ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ผู้ที่หุ้นใหญ่หรือเจ้าของบริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะบอกได้ว่าบริษัทกำลังจะไปในทิศทางไหน เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะลองซื้อ-ขายSPALIตามเจ้าของดูก็ไม่น่าเสียหาย
ข่าวดีก็คือ ล่าสุดเขาเข้าไปซื้อหุ้นตัวนี้เมื่อเดือนธันวาคมในปริมาณที่เยอะพอสมควร และซื้อในราคา6.10
จากวันนั้นถึงวันนี้ ราคาแกว่งไปมา บางทีก็ลงไปถึง5.90 ใครซื้อได้ระหว่างนี้ ถือว่าสบายใจหายห่วง เพราะซื้อถูกกว่าเจ้าของอีก
สรุป เริ่มรับซื้อที่ราคาปลอดภัย5.80/
อนาคตข้างหน้า...
แต่จะเล่นหุ้นทั้งที อย่าดูแต่ข้อมูลตัวเลขนะครับ สังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเราด้วย อย่างศุภาลัยเนี้ย จะเห็นได้ว่าหลังมา ป้ายโฆษณาเริ่มเยอะ โครงการใหม่ๆก็เยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท หมู่บ้าน หรือคอนโด ลองโทรไปถามว่ามีห้องคอนโดว่างมั้ย ส่วนใหญ่เขาก็จะบอกว่าเต็มหมดแล้วทั้งๆที่ยังสร้างไม่เสร็จ เห็นแบบนี้ปีนี้สุภาลัยน่าจะสดใสนะครับ
ผลประกอบการของไตรมาส4/52กำลังจะถูกประกาศสิ้นเดือนนี้หรือไม่ก็ปลายเดือนหน้า ถ้าการเติบโตเป็นไปตามที่คาด(โต157%) ก็จะเป็นตัวดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นไปอีก